มีเวลา 1 วันฉันไปเกาะขาม (ANV. 5 yrs)

ช่วงนี้ทริปถี่มาก ถี่จนปั๊มตังไม่ทันแล้วจ้ะพี่จ๋า แต่ครั้งนี้มันมีวาระ ที่ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็ไป
เพราะมันคือวันครบรอบของเรากับพี่เจ 5 ปีแล้วจ้า จากที่ได้ไปพบรักที่บางกระเจ้าเมื่อปีที่แล้ว
ปีนี้เราเปลี่ยนมาโซนชายหาดชายทะเลกันที่ 'เกาะขาม' บ้าง 


จริง ๆ เราเคยมาเกาะแสมสารที่ใช้ท่าเรือข้ามเกาะอันเดียวกัน แต่เป็นช่วงตั้งแต่ก่อนเริ่มบันทึกทริป
ประมาณ 3 - 4 ปีก่อนได้มั้ง เกาะมันจะอยู่ติดกันพอดี ตั้งอยู่ที่ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ชื่อเต็มว่า 'อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม' เป็นเกาะเล็ก ๆ เล็กมาก เล็กกว่าแสมสารกว่า 10 เท่า
เอาไว้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่นเดียวกับเกาะแสมสารเลย

ฉันอยู่นี่จ้า

- ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เนี่ย หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง
เราเลยจะพาไปดูว่ามันเป็นยังไง แต่ไม่ได้ผ่านการท่องเที่ยวของเรานะ
ผ่านอันที่เราไปเสิชมา 5555555555 หลัก ๆ ความหมายของมันคือ
การท่องเที่ยวแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดูแลสภาพสิ่งแวดล้อมให้มัน original ที่สุด
ไม่ทำลายโดยตั้งใจหรือบังเอิญ แล้วก็มีการจำกัดผู้เข้าชมในแต่ละวัน
เพื่อควบคุมดูแลอย่างรัดกุมมากที่สุด -

แต่ก่อนที่จะไปถึงเกาะขาม เราแอบขี้โกง 1-day trip ของเราด้วยการเดินทางมาสัตหีบก่อน 1 คืน
เพื่อที่ว่าจะได้มานอนใกล้ ๆ เกาะขาม และไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาตอนเช้าเพื่อขับรถมา
แต่ว่า บนเกาะขามไม่มีที่พักนะจ๊ะ สามารถไปและกลับได้ในวันเดียวกันเท่านั้น

เราออกเดินทางจากกรุงเทพตรงมายังที่พักเลย ระหว่างทางฝนตกลงมาอย่างรุนแรง
เราไปไหนฝนไปด้วยตล๊อดดด แต่พอไปถึงที่พักท้องฟ้าก็ไม่มีฝนตกลงมาแล้ว

เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด

การมานอนที่นี่ก่อน ก็จะมีเรื่องของที่พัก ซึ่งตอนแรกก็เสิชหาตามดีล
เพราะมันเป็นช่วงวันหยุดยาว ก็กลัวว่าจะไม่มีที่ดี ๆ ให้นอนแล้ว
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลือกที่พักที่อยู่ในดีล และไปเจอที่พักแห่งนี้จากการเสิชไปเรื่อย ๆ
ชื่อที่พักว่า สัตตะฮิปเทล ซึ่งตอนแรกเราอ่านออกเสียงเลยนะ ตอนโทรไปทางที่พัก
ถามว่า ใช่สัตหีบเทลหรือเปล่าคะ จะขอจองที่พัก แล้วเขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
จนมาคุยกันต่อในแชทเฟสแล้วเขาพิมพ์ชื่อที่พักมาว่า สัตตะฮิปเทล

Sattahiptale Boutique Guesthouse and Hostel ที่นี่จ้า
เราจองห้องที่เป็นห้องส่วนตัว มีห้องน้ำในตัว มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ นานา
แล้วก็เป็นห้องที่เห็นวิวทะเลบางส่วน คือตึกมันจะอยู่เลยมาจากถนนแล้วเส้นนึง
วิวที่เห็นคือบ้านคน แล้วก็เลยไปเป็นทะเลเลย ราคา 1,500 บาทต่อคืน
สำหรับเรา เราว่าค่อนข้างแพงนะ เพราะไม่มีอาหารเช้าให้ด้วย
แต่บรรยากาศโดยรวมถือว่าน่ารักอบอุ่น มีการต้อนรับที่ดี แล้วก็เป็นกันเองมาก

ที่พักไม่มีที่จอดรถ เพราะเป็นแบบโฮสเทลเบา ๆ แต่สามารถไปจอดฟรีได้
ที่ วัดหลวงพ่ออี๋ หรือจริง ๆ ชื่อ วัดสัตหีบ ใครทำการบ้านมาไม่ดีก็อาจจะงง
อยู่ไม่ไกลจากที่พัก เดิน 5 นาทีก็ถึงแล้ว มีทางเข้า 2 ทาง

เจอแล้ว จุดสังเกตคือรถสีเหลือง


ด้านในก็จะมีมุมวินเทจ ๆ ให้ถ่ายรูปได้ อันนี้เรากลับมาถ่ายไว้หลังจากรับทานดินเนอร์แล้ว

มีจักรยานวินเทจ โต๊ะไม้

🙏

บริเวณรับเช็คอินจะอยู่ชั้น 2 ก่อนไปเนี่ยทางที่พักจะส่งข้อความลับเพื่อนัดเช็คอินมาให้เรา
ไม่บอกหรอกว่าส่งมาว่าอะไร เพราะมันเป็นข้อความลับ อยากรู้ก็ไปพักเอง
ขึ้นมาก็จะเป็นเหมือนโซนห้องรับแขก ยื่นบัตรประชาชนยืนยันการเช็คอินแล้วก็ได้กุญแจมา


ฟีลเหมือนห้องนั่งเล่น พอได้กุญแจแล้วก็ไปดูห้องกัน

ประมวลภาพภายในห้องซักหน่อย ก๊อก ก๊อก ก๊อก เปิดประตู

เข้าห้องไปก็จะต้องเอาคีย์การ์ดเสียบไว้ตรงประตู
ถ้าจะออกไปข้างนอกก็ต้องปิดแอร์ปิดไฟ แล้วดึงคีย์การ์ดออก นอร์มอลลล

โซนแรก เข้าประตูมาจะเจอเลย มีกาแฟ แก้วน้ำ หมวกอาบน้ำ ไดร์เป่าผม ไม้แขวนเสื้อ
ส่วนข้างใต้ก็มีตู้เย็น บวกน้ำ 2 ขวด และถังขยะ

ในห้องน้ำ เข้าไปแล้วคือภาพห้องน้ำญี่ปุ่นรีรันเข้ามาเลย 5555555
อันนี้กว้างมาก มีผ้าขนหนูวางอยู่บนชักโครก ดีนะเห็นคำว่า Welcome ก่อนเลยเอามาวาง
ที่พักจะให้สบู่และยาสระผม ไม่มีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ถ้าใครลืมเอามาก็ไปเซเว่นนะ

โซนที่นอนน่ารักดี เตียงเป็นดีเทลไม้ลัง ไม้พาเลท ชอบนะ แต่ระวังขาแข้งจะไปฟาด
ตรงหัวเตียงจะมีโคมไฟ 2 ดวง และกรอบรูปสอนผูกเงื่อน ตกแต่งอะไรงี้
ผ้าขนหนูที่ให้มามีแต่ผืนใหญ่ ไม่มีผืนเล็ก มีนิตยสารไกด์ท่องเที่ยว และข้อปฏิบัติ 1 แผ่น

โซนนั่งเล่นและดูทีวี มีโต๊ะอยู่ปลายเตียง จัดตกแต่งเล็กน้อยพอมีดีเทล
ทีวีก็จะมีความสัญญาณติด ๆ ดับ ๆ บ้าง แต่ไม่บ่อย มีเก้าอี้ให้นั่งเล่นเฉย ๆ
ส่วนโคมไฟอันในรูปสุดท้าย ลองเปิดแล้วไม่ติด เสียดาย

ที่เสียดายเพราะว่า แสงสว่างในห้องก็จะลดลงอ่ะ เพราะทั้งห้องมีไฟอยู่แค่ 4 ดวง
ที่เห็นรูปมืด ๆ นี่ไม่ใช่ไร มันไม่มีไฟ มันมีมู้ดแห่งความโรแมนติกกับความมองไม่เห็นปะปนกันอยู่
แต่พอดึกมากหน่อย ก็จะมีไฟถนนพลังโซลาร์ฉายทั้งคืน ทั้งเช้า จนแบบ อ๊ากก ปิดเถ้อะะะะ

ปล. ที่บอกว่าจองห้องแบบส่วนตัวเพราะที่นี่มีห้องแบบ hostel ห้องน้ำรวมด้วยน้า

สิ่งที่ชอบมากอย่างนึงคือ บาร์ที่ชั้นดาดฟ้า คือตอนแรกที่ดูในเว็บไปก็ไม่รู้หรอกว่ามี
แต่ตอนเช็คอิน เขาก็บอกมาว่าบาร์เปิด 2 ทุ่มครึ่งนะคะ ทานข้าวมาให้เรียบร้อยนะ อิอิ
ก็เลยรู้ว่า เอ้อ มีบาร์ด้วย ตอนกลางคืนเลยขึ้นไปกินบรรยากาศสักหน่อย

ตอนที่จองที่พัก เราเป็นกังวลเรื่องอาหารการกินนิดหน่อย เพราะเป็นคนหิวตามมื้อ
ถ้าตื่นเช้ามาไม่มีอาหารก็จะอารมณ์เสียมาก 555555 ถ้าตอนเย็นไม่ได้รับทาน ก็จะหงุดหงิด
แต่ถือว่าเป็นที่พักที่อยู่ในละแวกอาหารทั้งกลางวันและกลางคืน
ทั้งตลาดโต้รุ่ง ร้านอาหารละลานตา ตลาดเช้า ตลาดปลา สารพัด
จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากท้องกันเลย

ก่อนที่จะขึ้นไปชิมบรรยากาศบาร์ เราก็ต้องรับทานอาหารเย็นก่อน
ทางที่พักแนะนำให้เดินไปร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แถมได้ส่วนลด 10%
ถ้าบอกว่าพักที่สัตตะฮิป ด้วยความเห็นแกส่วนลด เราเลยเดินตรงดิ่งไปที่นั่น
ชื่อร้านว่า บ้านเพื่อนทะเล ร้านงอกลงไปในน้ำ คนค่อนข้างเยอะดูคึกคัก
แต่ตอนที่เราเข้าไป ดูไม่ค่อยมีคนต้อนรับเท่าไหร่ 555555555
แบบกว่าจะมีพนักงานถามว่ามากี่คน แล้วกว่าจะมีคนพาไปนั่งที่โต๊ะ
ไม่พอนะ ตอนสั่งอาหารเสร็จไปแล้ว ก็เสิร์ฟผิดตั้งหลายรอบ งงใจ


ก่อนไปเดือด มาดูวิวของร้านให้สบายใจก่อน

คือโต๊ะที่เรานั่งตอนแรก มันเป็นโต๊ะยาวที่ติดกัน 2 โต๊ะ นั่งได้ 8 คนมั้ง
แต่เรามาแค่ 2 คน เขาเลยแยกโต๊ะออก พอดีกับมีอีกครอบครัวมานั่งโต๊ะนั้นพอดี
น่าจะเป็นเลขโต๊ะ 15/1 กับ 15/2 อะไรประมาณนี้
แล้วตอนสั่งพนักงานดันจดเมนูของเรา 2 โต๊ะสับกันไปมา
มีอันนึงที่โมโหมากคือ เมนูต้มยำทะเลน้ำใสแบบถ้วยของเรา
พนักงานเอาไปเสิร์ฟอีกโต๊ะ แล้วตอนแรกเราก็คิดแหละว่า เอ๊ะ เสิร์ฟผิดมั้ยน้า
แต่โต๊ะนั้นก็รับทานไป เลยคิดว่า เขาอาจจะสั่งเหมือนกัน
ผ่านไปพักใหญ่ เราก็ยังไม่ได้ และมีหม้อไฟ ต้มยำ น้ำข้น มาเสิร์ฟ ให้โต๊ะนั้น
แล้วคนในโต๊ะก็ถามว่า อ้าวไม่ใช่อันนี้เหรอ แล้วนี่ของใคร กินไปแล้วด้วย
แล้วก็ไม่รับหม้อไฟอันนั้น คือหน้าเราแบบ จุดจุดจุดมาก

ไม่พอนะ พนักงานที่มาเสิร์ฟกลับเข้าครัวไป แล้วเดินออกมาอีกรอบ
มาถามพนักงานที่กำลังเคลียโต๊ะใกล้ ๆ เราว่าอะไรซักอย่างไม่ทันฟัง
แต่พนักงานคนนั้นตอบว่า ก็ถามลูกค้าไปว่า รับเป็นน้ำข้นได้มั้ย แล้วเอาใส่ถ้วยให้เขา
เสียงในใจเราดังขึ้นมาว่า มันจะได้ได้ไงวะ!! และเหมือนน้องที่ถือหม้อไฟจะได้ยิน
หันมาถามเราว่า ลูกค้ารับเป็นน้ำใสเหมือนเดิมใช่มั้ยคะ เลยต้องยิ้มนางฟ้าตอบกลับไปว่า
ใช่ค่ะ...
สุดท้ายกว่าจะได้รับทาน ต้มยำทะเลน้ำใสใส่ถ้วย ก็แทบจะอิ่มอาหารทั้งหมดแล้ว
สิริรวมการเสิร์ฟผิดคือ 3 ครั้ง จากอาหาร 5 เมนูอ่ะ 555555555555555
จานแรก เอากุ้งแช่น้ำปลามาเสิร์ฟ แต่นี่สั่งกุ้งผัดซอสมะขาม
จาน 2 จำไม่ได้ว่าเอาอะไรมาเสิร์ฟ แต่มันไม่ใช่ง่าาา
พอจาน 3 น้องก็ถามว่า อันนี้ใช่แล้วนะคะ
แต่พอกินไปพักนึงก็ขำนะ แบบสงน้อง
ต้มยำคือมาสุดท้าย ยังจะผิดอี้กกกกกกกก

กุ้งผัดซอสมะขาม ส้มตำไทย ข้าวผัดปู ผัดผัก และต้มยำ
มื้อนี้หลังลดราคาแล้ว 600 บาท ลดราคาก็งง แต่ไม่ได้ติดใจอะไร
นี่ถ่ายหลังจากเริ่มกินไปหน่อยนึงละ หิวจนตาลายไปหมด

กินเสร็จเดินแบกพุงกลับไปแถวที่พัก จากที่ทางที่พักบอกว่า
มีตลาดโต้รุ่งอยู่ซอยด้านหลัง ก็เลยแว้บไปดูนิดหน่อย
เป็นเหมือนโซนขายอาหารคาวหวาน มีคนประมาณนึง
ร้านอาหารประปราย เซเว่น บิ๊กซี เลยโดนโรตีไปคนละอัน และกลับ
ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะขี้เกียจ แต่มันอยู่ในซอยเทศบาล 4 คือหลังที่พักเลย
กลับมาเพื่อขึ้นมาดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนของบาร์ดาดฟ้ากัน

วิวของดาดฟ้า ส่วนมากก็จะเป็นยอดตึก

แต่ก็มีด้านที่เห็นทะเลนะ แต่มืดมากกกกกกก

บาร์ขนาดย่อม

หลากหลายเมนูให้เลือกสรร

เราสั่งคอกเทลมาเมนูนึง เขาให้ชื่อว่า Sattahip tale คือมีเชอรี่และเสาวรส อร่อยดี

 A DAY AT KOH KHAM 
(https://www.kohkham.com/ แปะลิ้งเผื่อเข้าไปดูรายละเอียด)
อ่ะ 1-day trip ของแท้มาแล้ว ไป ไปปปปป ตื่นสิ ตื่นสิโว้ยย
เราตื่นมาอาบน้ำเพื่อหวังจะออกจากที่พักตอน 7 โมง แต่ก็เลทไปครึ่งชั่วโมงจนได้
ไม่เป็นไร รีบเก็บของออกมา เช็คเอ้าท์แล้วก็มุ่งหน้าไปหาอะไรรับทาน
หมูปิ้งง่าย ๆ แล้วกัน ไปต่อ ตรงไปที่ท่าเรือเขาหมาจอ เพื่อจะขึ้นเรือข้ามเกาะกัน

เราเดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
เลยเข้าไปจะมีทหารบอกทางให้ไปจอดรถอยู่ บอกไปเกาะขามจ้า
อันนี้งงมาก ตรงที่ตอนแรกเราเข้ามา จะมีทหารยืนอยู่ เราเปิดกระจกแล้วก็บอกมาเกาะขาม
แกก็บอกว่า ขอเก็บค่าที่จอด 20 บาท เราก็อ่ะ จ่ายไป คงเป็นค่าบำรุง
พอลงมาจากรถ ก็เห็นรถคันอื่นขับเข้ามาอีก ไม่เห็นเก็บตัง แบบแถวยาวมาก
ทำไมอ่ะ งง

เข้าไปตามป้ายนี้

อ่ะ ไม่ต้องมามัวงงให้เสียเวลา เดินไปซื้อตั๋วเพื่อข้ามเรือกันดีกว่า
เนื่องจากตรงที่จอดรถนี่ค่อนข้างจะไกลจากท่าเรือ ก็เลยมีบริการสองแถว
รับ-ส่งทั้งขาไปและขากลับ ฟรีตลอดการเดินทาง เพราะจริง ๆ มันก็ไม่ไกลมากจ้า
จะเดินก็ได้นะ ถ้าชิว ๆ ไม่ร้อนอะไรพอเดินได้อยู่ แต่ถ้าร้อนมากแนะนำให้นั่งเถอะ


ขอตั๋ว 1 ใบค่า /ไป 2 คนเอา 1 ใบบ้าอะไร


ได้บัตรมาแล้ว


เห็นสองแถวสีฟ้านั่นไหม ไปจ้าเดินไปขึ้นรถ

ปกติแล้วเรือจากท่าเรือเขาหมาจอไปเกาะขามจะมีรอบ และก็เดินเรือตามรอบ
แต่วันที่เราไป เจ้าหน้าที่บอกว่า ตอนนี้เรือจะออกเมื่อคนครบจำนวน
และมีบริการเรื่อย ๆ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการไปเที่ยว
ก็ดีเหมือนกันนะ แต่ก็น่าจะไม่ดีที่อาจจะควบคุมปริมาณได้ยากหรือเปล่า
เรือขาไปจะมีแค่ช่วงเช้า และเรือขากลับจะเริ่มที่บ่ายโมงโดยประมาณ


ท่าเรือเขาหมาจอที่เราเคยมาวิ่ง 4x100 ตอนครั้งมาแสมสาร

น้ำตรงท่าเรือใสเห็นปลาเยอะกว่าที่เกาะอีกแกร 55555555


มีเด็ก ๆ ที่เหมือนจะเป็นค่ายอะไรซักอย่างมากับเราด้วย

มีบู้ทขายน้ำ ขนม ไอติม ผลไม้ อยากรับทานก็เรียกได้

บนเรือร้อนมาก หลังไหม้ไปแล้วจ้า
รูปส่วนมากของที่นี่ สารภาพตรง ๆ ว่ามีแต่รูปเราเอง 55555555555
ก็เลยเลือกที่จะเก็บไว้ดูเอง และคัดบางส่วนที่ทำให้เห็นทิวทัศน์มาจัดแสดงแทน

มาถึงแล้วก็ลงจากเรือ ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปในเกาะ

เรือรบหรือเปล่าาาา

เดินไปอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว

แปะภาพที่ถ่ายกับป้ายชื่อซักหน่อย ถึงจะย้อนแสงไปนิด

รั้วบ้านพักคุณทหารที่คอยอาศัยอยู่เพื่อดูแลเกาะขามในยามที่ไม่มีนักท่องเที่ยว

กิจกรรมที่ฉันทำเมื่อไปเกาะขาม
เรานึกหัวข้อนี้ขึ้นมาได้ เมื่อนั่งโง่ ๆ อยู่ในน้ำทะเล และไม่รู้จะทำอะไร
ก็เลยตั้งใจจะประมวลกิจกรรมที่เราได้ทำ เมื่อเรามาอยู่ที่เกาะขามใน 1 วัน
หัวข้อก็จะเหมือนเขียนเรียงความเวลาเปิดเทอมใหม่ ๆ แล้วครูชอบให้เขียน
ประมาณว่า ปิดเทอมใหญ่ ฉันไปไหนมาบ้าง ไปทำอะไรบ้าง ไปกับใครบ้าง

(1) ถ่ายรูปกับสะพานไม้
ภาพที่มโนเอาไว้ก่อนไปคือ ต้องเดินไปส่วนต่าง ๆ ของเกาะเพื่อเจอกับสะพานไม้
แต่จริง ๆ แล้วมันอยู่ตรงทางขึ้นเรือเลย เป็นช่วงที่เดินทางเรือมาที่ชายหาด
เวลาจะไปถ่ายรูปก็ต้องรอช่วงที่ไม่มีคนเดินไปมาแล้ว ถึงจะได้รูปสวย ๆ มา

1⃣

2⃣

3⃣

4⃣

อย่างที่บอก 98% ของรูปทริปนี้คือรูปเราเอง วิว 2% ขอโทษ 55555

นอกจากสะพานไม้ ก็ยังมีชิงช้าและที่นั่งใต้ต้นไม้ด้วย

(2) นั่งเรือท้องกระจกดูปะการัง
บังเอิญได้ยินเขาประกาศ เพราะไม่ได้ทำการบ้านมาเท่าไหร่ 555555
แต่ตอนแรกฟังไม่ชัดว่ามีตั๋วหรือจ่ายตังอะไรยังไง เลยเดินมาถาม
เจ้าหน้าที่บอกว่า ฟรี ไปขึ้นได้เลย แต่จำกัดรอบละประมาณ 30 คนตามขนาดเรือ
ลักษณะเรือก็มีช่องกระจก 4 ช่องที่ท้องเรือ ให้ดูปะการังด้านล่าง


ส่วนภาพปะการังที่เห็น ต้องมาดูเองอ่ะ ถ่ายไม่ทัน

(3) นอนเล่นที่ชายหาด
ชายหาดของเกาะขามจะไม่ยาวมาก เป็นโซนเล็ก ๆ แล้วก็มีบริการเสื่อฟรี
สามารถหยิบยืมมานอนเล่นได้ ใครมากันเยอะหน่อยก็หยิบไปหลายผืนได้
แต่ใช้เสร็จแล้วต้องเอามาคืนที่เดิมด้วยนะ เพื่อคนอื่นจะได้มายืมต่อบ้าง
ปริมาณเสื่อมีเยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอ คนนึงนั่ง 3 ผืนยังได้ แต่อย่าเลย

หยิบเล้ยย


หยิบเสื่อไปนอนดูอะไรแบบนี้

จะนอนเฉย ๆ ก็ได้

หรือนอนขยับไปขยับมาก็ได้

กลุ่มหญิงสาวที่ไม่รอดสายตาเจ้าเจ

การนอนเล่นที่ชายหาดของเกาะขาม เป็นการนอนโง่ ๆ ที่แท้ ดีนะ มันชิว
แต่จะนอนเพลินเกินไปไม่ได้ จะต้องดูว่าน้ำขึ้นมาหรือยัง
ไม่งั้นอาจจะจมน้ำได้นะเธอ 55555 แต่มันก็ไม่ได้ขึ้นเร็วขนาดนั้น

(4) ปาหิน
อันนี้เป็นกิจกรรมที่เราคิดขึ้นเอง เพราะกำลังแช่น้ำอยู่แบบเนือย ๆ
เหมือนไม่ได้มีอะไรทำมาก แช่น้ำตากแดดไปเฉย ๆ มือก็ไปหยิบเจอหินข้างล่าง
ก็ลองเอามาปาดู แต่มันไม่ใช่การปาเฉย ๆ เราจะต้องเลือกหินที่มีลักษณะแบน
เพื่อปาเลียดกับน้ำให้มันกระเด้งหลาย ๆ ที แข่งกันกับพี่เจ
แต่จะปาก็ต้องดูคนด้วยนะเว่ย ไปใช่ปาไปโดนหัวใครแตกจะเป็นเรื่อง
เป็นกิจกรรมบ้าบออะไรไม่รู้ 5555555555555


ก่อนลงเล่นน้ำจะต้องมาหยิบเสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนนะจ๊า

น้องมาว่ายน้ำ

พี่เจกำลังอธิบายวิธีการปาหินอย่างถูกต้อง

ผลการปาอยู่ท้าย ๆ คลิป 555555555

(5) ดำน้ำดูปลา
บนเกาะจะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า คนละ 50 บาท ต้องแลกบัตรประชาชนไว้
เผื่อคนเช่าไม่เอามาคืน ก็ไม่ต้องเอาบัตรประชาชนไป จำไว้!

ประมวลภาพการดำน้ำจากคลิปที่ถ่ายมา

เราก็ไปดำน้ำ จริง ๆ มันจะมีโซนกั้นให้ดำน้ำอยู่ แต่ก็เห็นคนดำกันทั่วไป
ตอนแรกคิดว่าจะมีตรงที่พาออกไปดำ แต่คงกลัวซ้ำกับแสมสาร
บ้า ไม่ใช่หรอก น่าจะเป็นเพราะเกาะมันเล็กจริง ๆ

ตรงที่หยิบเสื้อชูชีพจะมีแผนที่บอกส่วนต่าง ๆ ของเกาะ

จริง ๆ จะมีิวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับปะการังด้วยนะ
แต่วันที่เราไป ก็เห็นเงียบ ๆ หรืออาจจะมีไปแล้วก่อนที่เราจะไปถึง

หลังจากเล่นน้ำไปพักใหญ่ ก็แสบหน้าแสบตา ปาหินกันมามากพอแล้ว
ถึงเวลาจะต้องไปอาบน้ำ ที่นี่จะมีกฎอยู่ว่า 'ห้ามใช้สบู่และยาสระผม'
ให้ล้างตัวด้วยน้ำจืดได้เท่านั้น เราก็เตรียมตัวมาอย่างดี ด้วยการซื้อ
ผ้าอาบน้ำแห้ง ที่เป็นนวัตกรรมของคนไทย แถมได้รางวัลมาด้วย

เราซื้อแบบแพค 6 คู่มา ซึ่งเราก็คิดว่าจะแยกคู่มาให้ทีละคู่ แต่มันรวมกันอยู่เลย

ตอนแรกเรากะซื้อมาทดลองขำ ๆ แหละ เห็นเขาว่าเหมาะกับคนไม่ชอบอาบน้ำ
แต่ไม่จริงนะ คนไม่ชอบอาบน้ำหรือคนขี้เกียจก็คือคนขี้เกียจ
ผลิตภัณฑ์นี้จะเหมาะกับเวลาเราไปในที่ที่ไม่มีที่ให้อาบน้ำ จำพวกป่าเขา
หรือสำหรับคนที่ช่วยเหลือตัวเองยาก ผู้สูงอายุ คนที่ใส่เฝือก
หรือแม้กระทั่งในการเข้าค่ายทหาร ในถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ
แต่เราว่ามันไม่เหมาะกับพื้นที่ร้อน ๆ อ่ะ

การใช้ก็คือง่ายมาก แกะฝั่งที่เป็นผ้าสบู่ออกมา ถูกตัวให้ทั่ว แผ่นนึงใช้ได้ทั้งร่าง
อันนี้อะเมซิ่งมาก เพราะคิดว่า คงต้องใช้หลายแผ่นต่อครั้ง แต่ไม่เลย
สามารถเช็ดได้ทั่วมาก ลักษณะการใช้คล้ายทิชชู่เปียก
เช็ดแผ่นสบู่แล้วก็แกะฝั่งผ้าน้ำออกมาเช็ดสบู่ออก จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวซับได้
ค่อนข้างดีนะ ไม่มีสบู่ไหลลงพื้น ถือว่ายังทำตามกฎอยู่

แต่พอออกมา ก็มาหาอะไรกินและได้ยินแม่ค้าคุยกันว่า
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนเกาะ ไม่ค่อยทำตามคำแนะนำเท่าที่ควร
อย่างการอาบน้ำ ก็ยังมีคนใช้สบู่และยาสระผม พอเดินออกมานี่หอมเชียว
พอทักก็บอกว่า ไม่เห็นป้าย ขอโทษที ฮือ ๆๆๆ

(6) รับทานมาม่าและผัดกะเพรา
ขนมและอาหารราคาปกติ แพงกว่านิดหน่อยตามค่าขนส่งแหละ ข้ามน้ำข้ามทะเล
นี่นับอันนี้เป็นกิจกรรมบนเกาะด้วยเหรอ 55555555 ปิดท้ายด้วยชานม 1 แก้ว

ใช้กาต้มน้ำร้อนแบบดั้งเดิม (ขอโทษคุณแม่ด้วยค่ะ)

ร้านค้าสวัสดิการมีแค่ร้านเดียว

มีร้านอาหารตามสั่งนะว่าไม่ได้

ร้านน้ำ และร้านยำ ส้มตำไม่ให้ขายเดี๋ยวมีแมลงวันรบกวนนักท่องเที่ยว

มีที่นั่งบริการ แต่ก็จะเลอะทรายนิดหน่อย ปัด ๆ เอานะ

(7) พายเรือคายัค (ไม่ได้เล่น) 
พูดถึงกิจกรรมที่มีแต่ไม่ได้เล่นบ้าง พายเรือคายัค ชั่วโมงละ 100 บาท ครึ่งชั่วโมง 60 บาท
ไม่เล่นเพราะกลัวเปลืองตัง 55555555555 ปสดมาก

มีแต่รูปป้ายอ่ะ เพราะไม่ได้เล่นไง ไม่รู้จักเรือคายัคเหรอ อิอิ

ไปพยายามหารูปกิจกรรมมาแล้ว ได้มาเท่านี้ 555555 เกือบหลุดขอบแล้วค่ะคุณ

(8) เล่น sea scooter (ไม่ได้เล่น)
ส่วนอันนี้เปลืองหนักกว่าพายเรือ ชั่วโมงละ 200 บาท ครึ่งชั่วโมง 100 บาท


แต่เล่นแล้วก็น่าจะสนุกดีนะ เหมือนขี่เจ็ทสกี (เลยเหรอ?)

วิธีเล่นก็คือแบบนี้

หลังจากอาบน้ำแล้วหาอะไรกินเป็นพิธีนิดหน่อย ก็ได้เวลาข้ามเรือกลับแล้ว
ตัวนี่ไหม้เกรียมแสบมาก ขาคือดำกว่าพุงประมาณ 15 สตอป

เรือมารับแล้ว รอด้วยยยย
เป็นอันจบมีเวลา 1 วันฉันไปเกาะขาม 55555555

ไปก่อนน้าาา ปล. อันนั้นไม่ใช่เกาะขามนะ

พี่เจเอนจอยกับการนั่งเรือกลับฝั่งมากก

เราข้ามเรือกลับประมาณบ่าย 3 โมง กลับมาคือรถร้อนมาก
ทุกอย่างที่เก็บไว้แทบจะละลายหมด โดยเฉพาะลิปสติกของน้อง แง้

สภาพตัวเองตอนขึ้นรถคือเหนื่อยมาก เพลียแดด หน้าไหม้ หลังไหม้
ต้องนั่งตากแอร์พักนึงแล้วค่อยไปต่อ ไปต่อที่ว่าก็คือรับทานอาหารแล้วก็กลับกรุงเทพ
ที่หมายสุดท้ายที่หาเจอตอนนั้นแหละ สุ่ม ๆ อันที่จะไปแบบจิ้มไปเรื่อย
ได้เป็น คูณ คาเฟ่ (Koon's Cafe) ดูในแอพวงใน รูปดูน่ารักมาก มีหลายโซน ดูป่า ๆ
แต่มีคอมเม้นนึงบอกว่า ทางเข้าค่อนข้างลึก และน่ากลัว
พอเราไปจริง ๆ บอกเลยว่าเขาโกหก เพราะมันลึกมาก และน่ากลัวมาก
ไม่ใช่ค่อนข้าง จะมาพูดค่อนข้างไม่ได้ อย่ามาโปป้ด!!

 ดูเอาเอง กลัวแล้ว แง

แถมตอนเราไปมันมีฝนด้วย ถนนลื่นแบบควบคุมรถได้ยาก
พี่เจเกือบถอดใจไม่ไปแล้ว แต่ในแมพคืออีก 300 เมตรจะถึงแล้วงี้
ก็เลยไป แล้วก็ไปถามพนักงานว่าต้องออกทางไหน ปรากฏอยู่อีกฝั่ง
แต่น่ากลัวเหมือนกัน...

หน้าร้าน


มีร่มให้ยืมด้วยนะ

ร้านจะมีทั้งโซนของคาวและของหวาน เรามารับทานของคาวก็เลยสั่งอาหาร
เข้าประตูมาปุ๊บจะต้องสั่งอาหารจากหน้าเคาท์เตอร์และชำระเงินให้เรียบร้อย
จากนั้นจะได้เบอร์โต๊ะ และบิลที่ชำระแล้ว เพื่อเดินไปนั่งข้างในอีกที
แต่เบอร์โต๊ะที่ได้มาคือ นั่งตรงไหนก็ได้นะ


มีการใส่ดีเทลอะไรแบบนี้ สวน ๆ


ตอนเราเข้าไปคือมีคนนั่งอยู่แค่โต๊ะเดียว เปลี่ยวมาก 55555555555

อาหารที่ข้าพเจ้าสั่ง และเครื่องดื่ม
สตรอปั่น เสาวรสโซดา สปาเกตตี้ขี้เมาทะเล และซอสแดง
ทำเลอะด้วย ตรงขอบ ไม่ยอมเช็ดให้ 555555555

พี่เจพยายามจะถ่ายรูปร้านมาให้เพื่อให้เรารีวิว แต่พอเราเห็นรูปแล้วแบบ
เห้ยแก ตั้งใจถ่ายแล้วเหรอ นี่ใช้กล้องหรือรองเท้าถ่ายอ่ะ
ให้ดูรูปซักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าด่าแฟนโชว์ 55555555555

นอกจากความเปียกชุ่มที่มาจากฝนแล้ว ก็มีความสั่นเนี่ยแหละที่สมจริงมาก หนาวเหรอ

จริง ๆ บรรยากาศร้านดีมากนะ น่ารัก สวยงามอ่ะ
ถ้ามาตอนสว่างและฝนไม่ตกน่าจะดีมาก ๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปมากกกกก
เรียกว่าเสียดายเลยแหละ คือมันจะมีโซนร้านแยก ๆ แบบ outdoor
โอ้โห ต้องสวยแน่ ตอนเราคือฝนตก มืดเร็ว ไม่สามารถถ่ายรูปข้างนอกมาได้
แต่ถ้าจะให้มาแก้มือ คงไม่มานะ ทางเข้าน่ากลัว และราคาก็ไม่ได้ดึงดูดมาก
แต่ร้านสวยจริง ใครไม่เคยมาอยากลองมาถ่ายรูปได้

จบแล้วนี่นา รับทานเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน แค่นั้นแหละ
เออ แฮปปี้แอนนิเวอร์ซารี่ 5 ปีนะแก อิอิ
จริง ๆ ทริปนี้ชื่อ #Khamniversary นะเว่ย

❤❤❤❤❤

Comments

  1. This comment has been removed by a blog administrator.

    ReplyDelete

Post a Comment

Popular posts from this blog

KIX04 Kansai เดินทางยังไงอ่า

LHONG 1919 (ล้ง 1919)

KIX03 How to get discount for USJ ticket