KIX04 Kansai เดินทางยังไงอ่า
คิดว่าคงมีโอกาสกลับมาอีก ไม่ว่าจะเป็นเมืองเดิมหรือเมืองใหม่
เพราะเหลือเงินใน ICOCA ตั้ง 140 เยน ต้องกลับมาใช้อ่ะ 5555555
หลังจากกดบัตรก็มีความแฮปปี้มาก เพราะบัตรน่ารัก
หน้าตาเป็นแบบนี้นั่นเอง เวลาใช้เติมเงินก็เสียบด้านที่มีลูกศรเข้าตู้
แต่เวลาใช้เดินทางแค่แตะที่เครื่องก็พอ ทั้งรถไฟและรถบัสเล้ย!
ก่อนไปนี่ก็วางแผนและดูเส้นทางจากเว็บไซต์รวมถึงกูเกิ้ลแมพเยอะมาก
แต่พอไปถึงก็ต้องเปิดดูใหม่อยู่ดี ซึ่งการดูกูเกิ้ลแมพ หรือแอพแผนที่อื่น ๆ
ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากเลยนะ เราจะสามารถเดินไปได้อย่างเฉิดฉาย
แต่ถ้าเป็นการเดินทางด้วยรถไฟ ใคร ๆ ก็คงจะต้องแนะนำเว็บไซต์อย่าง
ที่จะคอยช่วยเราดูเวลาของรถไฟจากต้นสายสู่ปลายทางได้อย่างแม่นยำ
เข้ามาเจอหน้าเว็บแบบนี้
ช่องทางการค้นหาอยู่ซ้ายสุดของหน้าเว็บ
แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการดูว่า สถานีนี้เป็นของสายอะไร มีสีอะไร
ไปทางไหน รหัสสถานีคืออะไร ต่อกับสายไหนได้บ้าง
ลงอันนี้แล้วต้องขึ้นอันไหนต่อเพื่อต่อสายรถไฟ ฝั่งนี้คือขาไปหรือขากลับ
นี่แหละ บอกเลยว่าชาเลจน์มาก
ถ้าไม่ได้รีบอะไรจะสนุกมาก แต่ถ้ารีบหน่อยก็อาจจะล่กกันได้เลย
ส่วนตัวเราเนี่ย ล่กมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยหลงนะ แค่เคยลงผิดฝั่งเฉย ๆ
ครั้งแรกที่ล่กคือตอนที่ไปถึงเลยจ้าาา 555555555
อ่ะ เรามาบันทึกการเดินทางของเราเองในคันไซระหว่างโอซาก้าและเกียวโตกันดีกว่า
โชว์ใบ ตม. ซักหน่อย จะได้บนเครื่อง แอร์จะแจกให้ เราก็เขียน ๆ ก่อนลง
DAY 0 DEPARTURE DAY (28/09/2018)
(1) Donmueang International Airport : THAILAND
ไปทางไหน รหัสสถานีคืออะไร ต่อกับสายไหนได้บ้าง
ลงอันนี้แล้วต้องขึ้นอันไหนต่อเพื่อต่อสายรถไฟ ฝั่งนี้คือขาไปหรือขากลับ
นี่แหละ บอกเลยว่าชาเลจน์มาก
ถ้าไม่ได้รีบอะไรจะสนุกมาก แต่ถ้ารีบหน่อยก็อาจจะล่กกันได้เลย
ส่วนตัวเราเนี่ย ล่กมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยหลงนะ แค่เคยลงผิดฝั่งเฉย ๆ
ครั้งแรกที่ล่กคือตอนที่ไปถึงเลยจ้าาา 555555555
อ่ะ เรามาบันทึกการเดินทางของเราเองในคันไซระหว่างโอซาก้าและเกียวโตกันดีกว่า
โชว์ใบ ตม. ซักหน่อย จะได้บนเครื่อง แอร์จะแจกให้ เราก็เขียน ๆ ก่อนลง
DAY 0 DEPARTURE DAY (28/09/2018)
(1) Donmueang International Airport : THAILAND
คงไม่ต้องบอกว่าเราต้องออกจากสนามบินดอนเมืองยังไงเนาะ 55555555
ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 5 ชั่วโมง 50 นาที ร่วม ๆ 6 ชั่วโมงเลยแหละ
เวลาของญี่ปุ่นจะเร็วกว่าของไทยอยู่ 2 ชั่วโมง พอดูเวลาเลยเหมือนผ่านมา 8 ชั่วโมงเลย
Everyone can fly จ้าาา
(2) Kansai International Airport : JAPAN
Everyone can fly จ้าาา
(2) Kansai International Airport : JAPAN
มาถึงด้วยเวลาสวย ๆ 22:22 น.
นั่งรถรางจากประตูที่ลงมาจากเครื่องบินเข้าเทอร์มินอล
ฮัลโหลลล
คนก็จะเยอะมากงี้ ไปต่อแถวเข้า ตม. เลยจ้า
ออกจากเทอร์มินอลตามป้ายรถไฟสายนันไกไป
ซื้อตั๋วที่ตู้จำหน่ายบัตร ซึ่งมีตู้อยู่ประมาณ 580 ตู้ได้ หลอก ๆ แต่เยอะอ่ะ
เราจะต้องดูดี ๆ ว่า ตั๋วที่จะซื้ออยู่สายอะไร ก็ง่าย ๆ ถ้าไม่อยากไล่ชื่อดูตามป้าย
มีไวฟายก็ดูในเน็ตไป เสิชชื่อสถานีลงไปเลย มันก็จะขึ้นมาว่า อยู่บนสายไหนบ้าง
กดตั๋วราคา 920¥ Kansai Airport to Nankai Namba
กดตั๋วราคา 920¥ Kansai Airport to Nankai Namba
ไม่ต้องเปลี่ยนสาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะนั่งบัสจากสนามบิน เพราะกลัวมาไม่ทันรถไฟรอบสุดท้าย
แต่ก็มาทัน แล้วก็ได้ขึ้นตอน 23.05 ซึ่งน่าจะยังไม่ใช่รอบสุดท้ายนะ
(3) Nankai Namba Station
จากสถานีนี้สามารถเดินไปถึงที่พักของเราได้เลย
จากสถานีนี้สามารถเดินไปถึงที่พักของเราได้เลย
รอดแล้ว
(4) Business Hotel Nissei
ถือว่าค่อนข้างใกล้กับสถานีรถไฟและสถานที่น่าสนใจหลายที่
ถือว่าค่อนข้างใกล้กับสถานีรถไฟและสถานที่น่าสนใจหลายที่
ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวกสบาย และทำให้มีเวลาไปงมที่สถานี
เพราะถ้าอยู่ไกลมาก คงใช้เวลาเดินมานาน และไม่มีเวลามาเวิ่นเว้อที่สถานีซักเท่าไหร่
DAY 1 Osaka Amazing Pass DAY (29/09/2018)
(1) Business Hotel Nissei
DAY 1 Osaka Amazing Pass DAY (29/09/2018)
(1) Business Hotel Nissei
ออกจากโรงแรมเราเดินไปสถานี Nippombashi (K17) สาย Sakaisuji
ไปเปลี่ยนสายที่สถานี Nagahoribashi (K16) จากสาย Sakaisuji ไป Nagahori Tsurumi-Ryokushi (N16)
จากนั้นไปลงที่สถานี Osaka Business Park (N21) เพื่อไปยัง Osaka Castle
(2) Osaka Castle & Osaka Gozabune
จาก Osaka Castle ขากลับเราเปลี่ยนไปขึ้นที่สถานี Morinomiya (C19) แทน
จะได้ยาวไปสาย Chuo เพื่อลงสถานี Osakako (C11) แล้วไป Osaka Bay
(2) Osaka Castle & Osaka Gozabune
จาก Osaka Castle ขากลับเราเปลี่ยนไปขึ้นที่สถานี Morinomiya (C19) แทน
จะได้ยาวไปสาย Chuo เพื่อลงสถานี Osakako (C11) แล้วไป Osaka Bay
(3) Tempozan Giant Ferris Wheel
Osaka Aquarium KAIYUKANG
Santa Maria Cruise
เดินกลับไปขึ้นรถไฟที่ Osakako (C11) สาย Chuo เหมือนเดิม ไปลงที่สถานี Hommachi
เพื่อเปลี่ยนจากสาย Chuo (C16) เป็นสาย Midosuji (M18)
Osaka Aquarium KAIYUKANG
Santa Maria Cruise
เดินกลับไปขึ้นรถไฟที่ Osakako (C11) สาย Chuo เหมือนเดิม ไปลงที่สถานี Hommachi
เพื่อเปลี่ยนจากสาย Chuo (C16) เป็นสาย Midosuji (M18)
จากนั้นไปลงที่สถานี Umeda (M16)
จากตรงนี้จะยากนิดหน่อย เพราะต้องเดินเท้าไปยัง Umeda Sky Building
เอาจริง ๆ จำทางไม่ค่อยได้ วิ่งหน้าตั้งอย่างเดียว เพราะกลัวไปไม่ทัน แล้วก็ไม่ทันจริง ๆ
(4) Umeda Sky Building
HEP Five Ferris Wheel
และเนื่องจากไม่ได้ขึ้นอะไรเลย ก็เลยเดินกลับแบบหงอย ๆ ไปยังสถานีแห่งของรับประทาน
HEP Five Ferris Wheel
และเนื่องจากไม่ได้ขึ้นอะไรเลย ก็เลยเดินกลับแบบหงอย ๆ ไปยังสถานีแห่งของรับประทาน
กลับมาขึ้นที่สถานี Umeda (M16) สาย Midosuji เหมือนเดิมไปลงที่ Namba (M20)
(5) Dotonbori
กลับจากย่านนี้ไปยังโรงแรมด้วยการเดินโอนลี่
เดินง่ายสบายพระบาท เฉพาะเรานะ (เพราะรองเท้าดี) ส่วนพี่เจก็จะปวด ๆ เมื่อย ๆ หน่อย
กลับจากย่านนี้ไปยังโรงแรมด้วยการเดินโอนลี่
เดินง่ายสบายพระบาท เฉพาะเรานะ (เพราะรองเท้าดี) ส่วนพี่เจก็จะปวด ๆ เมื่อย ๆ หน่อย
เส้นทางจาก Namba Subway เดินไป Dotonbori แล้วเดินกลับโรงแรม
จะเห็นว่าไม่ไกลเลย เดินได้สบายบรื๋ออ
- วันแรกที่ใช้ Osaka Amazing Pass ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่ม
ใช้ pass สอด สอด สอดอย่างเดียวทุกทางเข้าออก คุ้ม! -
DAY 2 TRAMI DAY (30/09/2018)
(1) Business Hotel Nissei to Kuromon Ichiba
(1) Business Hotel Nissei to Kuromon Ichiba
(2) Business Hotel Nissei to Tatsutaya (ไปหาชื่อมาทีหลัง ตอนแรกไม่รู้)
เดินไปอีกซอยนึงของที่พักเฉย ๆ แบบใกล้เหมือนเดินไปเข้าห้องน้ำ
จะใกล้อะไรมากมายคะเธอ
เดินไปอีกซอยนึงของที่พักเฉย ๆ แบบใกล้เหมือนเดินไปเข้าห้องน้ำ
จะใกล้อะไรมากมายคะเธอ
DAY 3 Universal Studio Japan DAY (01/10/2018)
(1) Business Hotel Nissei
(1) Business Hotel Nissei
วันนี้เดินไปขึ้นที่สถานี Osaka-Namba (HS41) ของ JR สาย Hanshin Namba
ไปลงที่สถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนสายจาก Hanshin Namba (HS45) ไป JR สาย Yumesaki (JR-P14)
ไปลงที่สถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนสายจาก Hanshin Namba (HS45) ไป JR สาย Yumesaki (JR-P14)
นั่งไปลงที่ Universal City (JR-P16) จากนั้นเดินขึ้นไปตามทางก็เจอเลย คนไปทางนั้นเยอะมาก
- ข้อสังเกตจาก hyperdia ดูตรงช่อง Fare หรือค่ารถ ถ้าเป็นแบบขีดเดียวยาวลงมา
โดยที่ไม่มีเส้นแบ่งจะแปลว่า ไม่ต้องสอดบัตรออกจากสถานี แล้วเข้าใหม่
แต่ถ้ามี (แบบตัวอย่างข้างบน) คือต้องสอดบัตรออกก่อน แล้วไปเข้าใหม่ ของอีกสาย
แต่ส่วนมากจะไม่ต้องออก น่าจะเพราะเป็นของเจ้าของเดียวกันไรงี้
แบบเอกชนต่อเอกชน หรือ JR ต่อ JR -
(2) Universal Studio Japan
กลับจากสวนสนุกไปแวะซื้อรองเท้าที่ Yodobashi ที่สถานี Umeda ซักหน่อย
ก็ขึ้นจาก Universal City (JR-P16) ไปลง Nishikujo (JR-P14) สาย Yumesaki อันเดิม
ก็ขึ้นจาก Universal City (JR-P16) ไปลง Nishikujo (JR-P14) สาย Yumesaki อันเดิม
จากนั้นเปลี่ยนสายเป็น Osaka loop line (JR-O14) ไปลงสถานี Osaka (JR-O11)
สถานีมันจะอยู่ใต้ห้างพอดี ก็เดินขึ้นมาตามเดิม
สถานีมันจะอยู่ใต้ห้างพอดี ก็เดินขึ้นมาตามเดิม
(3) Yodobashi (Umeda Station)
จากนั้นก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ Dotonbori
อันนี้ต้องเดินไปขึ้นของ Subway แทนที่สถานี Umeda (M16) สาย Midosuji เหมือนเดิม
เพื่อนั่งไปลงที่ Namba (M20) แล้วก็เดินหาอะไรกินอีกครั้ง กิน กิน กินเข้าไป
(4) Dotonbori
แล้วก็เดินกลับที่พักไปนอน คร่อก
จากนั้นก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ Dotonbori
อันนี้ต้องเดินไปขึ้นของ Subway แทนที่สถานี Umeda (M16) สาย Midosuji เหมือนเดิม
เพื่อนั่งไปลงที่ Namba (M20) แล้วก็เดินหาอะไรกินอีกครั้ง กิน กิน กินเข้าไป
(4) Dotonbori
แล้วก็เดินกลับที่พักไปนอน คร่อก
DAY 4 KYOTO DAY (02/10/2018)
(1) Namba Subway Station
เดินทางที่พักของเราไปขึ้นรถไฟที่สถานี Namba Subway (M20) เช่นเคย
ไปลงที่สถานี Shin-Osaka (M13) สาย Midosuji เจ้าเก่า
จากนั้นออกจากสถานีเพื่อไปเข้าของ JR อันนี้ต้องดูป้ายที่บอกว่าไป Kyoto
เราขึ้นอันที่มันเขียนว่า local ไปเลย เดินตามป้ายไป

(2) Kyoto Station
นอกจากรอบรถไฟ ก็จะมีรอบรถบัสที่เราใช้เว็บเป็นตัวช่วย
รถบัสจะใช้อันเดียวกับรถไฟไม่ได้ เราเลยไปเจอเว็บนี้มา
https://www.arukumachikyoto.jp/
มันจะช่วยเราดู จำนวนป้ายที่เราผ่าน ผ่านป้ายอะไรบ้างงี้

อย่างอันนี้ เราจะไปวัดน้ำใส ก็จะต้องไปยืนรอที่ Stand D2 มันจะมีป้ายบอกอยู่
เพราะป้ายรถเมล์ที่สถานีเกียวโต คือมีเยอะมาก แต่ละป้ายก็ไปต่างที่กัน
เราต้องไปยืนให้ถูก ไม่งั้นจะไม่ได้ไปตามที่ต้องการ
(3) Kiyomizu-Dera (วัดน้ำใส)
มาถึงก็ต้องเดินเข้าไปไกลหน่อย ขึ้นเขาเบา ๆ ทดสอบพลังขา

ขากลับ เราก็ต้องมายืนรอรถบัสที่ป้ายฝั่งตรงข้ามกับที่เราลง เหมือนบ้านเราแหละ
เพื่อนั่งย้อนกลับไปทางเดิม ขึ้นสายเดิมเลยจะได้ไม่งง
(4) Kimono Rental Wargo : Kyoto Tower
กลับมาถึงก็ต้องเดินเข้าไปในเกียวโตทาวเวอร์ อันนี้เราลงป้ายก่อนจะถึงสถานีเกียวโต
เพราะมันอยู่ข้าง ๆ ทางเข้าที่ข้ามถนนไปได้เหมือนกัน
เกียวโตทาวเวอร์อยู่ติดกับห้างที่ชื่อ Yodobashi เหมือนกันเลยอ่ะ
ฟีลเหมือนเจอเซ็นทรัลหลายอันในประเทศไทย 555555555
พอเข้าไปรับชุด แต่งตัว เสร็จแล้วก็ไปต่อ
เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Kyoto (JR-D01) สาย Nara เพื่อไปลงที่สถานี Inari (JR-D03)

ลงจากรถไฟคือเจอเลย เข้าศาลเจ้าเลย ใกล้มาก
(5) Fushimi Inari Shrine (ศาลเจ้าเสาแดง)
หลังจากออกจากศาลเจ้า เราจะไปมหากาพย์ Romantic Train
ก็ทำการขึ้นรถไฟฝั่งตรงข้ามกับที่ลงมา อันนี้มีสายเดียว สถานีเดิม Inari (JR-D03)
สาย Nara เพื่อกลับไปที่สถานี Kyoto แล้วเปลี่ยนสายไปที่ Sagano line
เริ่มต้นที่ Kyoto (JR-E01) ไปลงที่สถานี Umahori (JR-E10) นานมากกกกกกก

- คนส่วนมากจะลงที่สถานี Saga-Arashiyama เพื่อขึ้น Romantic Train ตั้งแต่ต้นสาย
แต่เราจะขึ้นย้อนกลับมาจากปลายสาย เพื่อลงเดินป่าไผ่และไปสะพาน Togetsu-kyo
จากนั้นเดินกลับไป Saga-Arashiyama เพื่อขึ้นรถไฟกลับ Kyoto -

จากที่อธิบายไปแล้วด้านบน เราจะเดินทางตามลูกศร
เหลืองทึบคือรถไฟ เขียวประคือเดิน ดาวแดงคือสถานีต่าง ๆ ที่จะไป
ดาวน้ำเงินคือสะพาน Togetsu-kyo
(6) Sagano Romantic Train
Arashiyama Bamboo Groves
Togetsukyo Bridge
เดินจากสถานี Umahori เลี้ยวซ้ายมาเรื่อย ๆ จะเจอสถานี Kameoka Torokko ตั้งตระหง่านอยู่
เดินเข้าไปซื้อตั๋วที่ชั้น 2 ของสถานี จะมีเจ้าหน้าที่จำหน่ายอยู่ พร้อมเขียนรอบและที่นั่งให้

อันนี้คือรอบจริงที่เราขึ้นวันนั้นเลย เวลา 15.29 น. รอบที่ 14 จะเห็นตรง Sagano 14
เพิ่งรู้ว่าเป็นรอบสุดท้ายของวันด้วยอ่ะ ถ้าไปไม่ทันคืออด หงอยหนัก 5555
ลงจากรถไฟเดินตามทางที่ถูกวางไว้ ก็จะเจอกับป่าไผ่ วัดเทนริวจิ
และทางออกไปยังสะพานโทเง็ตสึเคียว จากนั้นก็เดินกลับมา Saga-Arashiyama อย่างที่บอก
(7) Saga-Arashiyama Station
Saga-Arashiyama (JR-E08) จะอยู่บน Sagano line เป็นสายเดิมกับที่ลง Umahori
กลับไปลงที่สถานี Kyoto เพื่อเอาชุดกิโมโนไปคืนที่ Kyoto Tower
(8) Kyoto Station
ขากลับไปเหมือนเดิมกลับขามาแค่ย้อนทาง
(9) Nankai Namba Station
เดินมาคือหา Nankai ไม่เจอ เพราะมันอยู่ในตึกที่เหมือนห้างเหมือนกัน
แต่ป้ายข้างหน้าเขียน Nankai Namba ทิ่มตามาก เข้าไปในนั้นแหละ
(10) Kansai International Airport
(1) Namba Subway Station
เดินทางที่พักของเราไปขึ้นรถไฟที่สถานี Namba Subway (M20) เช่นเคย
ไปลงที่สถานี Shin-Osaka (M13) สาย Midosuji เจ้าเก่า
จากนั้นออกจากสถานีเพื่อไปเข้าของ JR อันนี้ต้องดูป้ายที่บอกว่าไป Kyoto
เราขึ้นอันที่มันเขียนว่า local ไปเลย เดินตามป้ายไป

(2) Kyoto Station
นอกจากรอบรถไฟ ก็จะมีรอบรถบัสที่เราใช้เว็บเป็นตัวช่วย
รถบัสจะใช้อันเดียวกับรถไฟไม่ได้ เราเลยไปเจอเว็บนี้มา
https://www.arukumachikyoto.jp/
มันจะช่วยเราดู จำนวนป้ายที่เราผ่าน ผ่านป้ายอะไรบ้างงี้

อย่างอันนี้ เราจะไปวัดน้ำใส ก็จะต้องไปยืนรอที่ Stand D2 มันจะมีป้ายบอกอยู่
เพราะป้ายรถเมล์ที่สถานีเกียวโต คือมีเยอะมาก แต่ละป้ายก็ไปต่างที่กัน
เราต้องไปยืนให้ถูก ไม่งั้นจะไม่ได้ไปตามที่ต้องการ
(3) Kiyomizu-Dera (วัดน้ำใส)
มาถึงก็ต้องเดินเข้าไปไกลหน่อย ขึ้นเขาเบา ๆ ทดสอบพลังขา

ขากลับ เราก็ต้องมายืนรอรถบัสที่ป้ายฝั่งตรงข้ามกับที่เราลง เหมือนบ้านเราแหละ
เพื่อนั่งย้อนกลับไปทางเดิม ขึ้นสายเดิมเลยจะได้ไม่งง
(4) Kimono Rental Wargo : Kyoto Tower
กลับมาถึงก็ต้องเดินเข้าไปในเกียวโตทาวเวอร์ อันนี้เราลงป้ายก่อนจะถึงสถานีเกียวโต
เพราะมันอยู่ข้าง ๆ ทางเข้าที่ข้ามถนนไปได้เหมือนกัน
เกียวโตทาวเวอร์อยู่ติดกับห้างที่ชื่อ Yodobashi เหมือนกันเลยอ่ะ
ฟีลเหมือนเจอเซ็นทรัลหลายอันในประเทศไทย 555555555
พอเข้าไปรับชุด แต่งตัว เสร็จแล้วก็ไปต่อ
เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Kyoto (JR-D01) สาย Nara เพื่อไปลงที่สถานี Inari (JR-D03)

ลงจากรถไฟคือเจอเลย เข้าศาลเจ้าเลย ใกล้มาก
(5) Fushimi Inari Shrine (ศาลเจ้าเสาแดง)
หลังจากออกจากศาลเจ้า เราจะไปมหากาพย์ Romantic Train
ก็ทำการขึ้นรถไฟฝั่งตรงข้ามกับที่ลงมา อันนี้มีสายเดียว สถานีเดิม Inari (JR-D03)
สาย Nara เพื่อกลับไปที่สถานี Kyoto แล้วเปลี่ยนสายไปที่ Sagano line
เริ่มต้นที่ Kyoto (JR-E01) ไปลงที่สถานี Umahori (JR-E10) นานมากกกกกกก

- คนส่วนมากจะลงที่สถานี Saga-Arashiyama เพื่อขึ้น Romantic Train ตั้งแต่ต้นสาย
แต่เราจะขึ้นย้อนกลับมาจากปลายสาย เพื่อลงเดินป่าไผ่และไปสะพาน Togetsu-kyo
จากนั้นเดินกลับไป Saga-Arashiyama เพื่อขึ้นรถไฟกลับ Kyoto -

จากที่อธิบายไปแล้วด้านบน เราจะเดินทางตามลูกศร
เหลืองทึบคือรถไฟ เขียวประคือเดิน ดาวแดงคือสถานีต่าง ๆ ที่จะไป
ดาวน้ำเงินคือสะพาน Togetsu-kyo
(6) Sagano Romantic Train
Arashiyama Bamboo Groves
Togetsukyo Bridge
เดินจากสถานี Umahori เลี้ยวซ้ายมาเรื่อย ๆ จะเจอสถานี Kameoka Torokko ตั้งตระหง่านอยู่
เดินเข้าไปซื้อตั๋วที่ชั้น 2 ของสถานี จะมีเจ้าหน้าที่จำหน่ายอยู่ พร้อมเขียนรอบและที่นั่งให้

อันนี้คือรอบจริงที่เราขึ้นวันนั้นเลย เวลา 15.29 น. รอบที่ 14 จะเห็นตรง Sagano 14
เพิ่งรู้ว่าเป็นรอบสุดท้ายของวันด้วยอ่ะ ถ้าไปไม่ทันคืออด หงอยหนัก 5555
ลงจากรถไฟเดินตามทางที่ถูกวางไว้ ก็จะเจอกับป่าไผ่ วัดเทนริวจิ
และทางออกไปยังสะพานโทเง็ตสึเคียว จากนั้นก็เดินกลับมา Saga-Arashiyama อย่างที่บอก
(7) Saga-Arashiyama Station
Saga-Arashiyama (JR-E08) จะอยู่บน Sagano line เป็นสายเดิมกับที่ลง Umahori
กลับไปลงที่สถานี Kyoto เพื่อเอาชุดกิโมโนไปคืนที่ Kyoto Tower
(8) Kyoto Station
ขากลับไปเหมือนเดิมกลับขามาแค่ย้อนทาง
(9) Nankai Namba Station
เดินมาคือหา Nankai ไม่เจอ เพราะมันอยู่ในตึกที่เหมือนห้างเหมือนกัน
แต่ป้ายข้างหน้าเขียน Nankai Namba ทิ่มตามาก เข้าไปในนั้นแหละ
(10) Kansai International Airport
กลับบ้านแล้วจ้า เย้!
Comments
Post a Comment