#Krabi Maimee Breakfast Part 1
ชื่อทริปอาจจะดูอดอยากไปนิด แต่มันมีที่มาแบบพูดถึงกี่ครั้ง พี่เจก็ต้องช้ำ 5555555
ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกอีกแหละ ที่เราจะได้เดินทางไปทะเลที่ใต้
เราเริ่มเขียนบล็อคนี้ วันที่ 8 กันยายน เพราะนึกขึ้นได้ว่า
อยากทำให้การไปกระบี่ครั้งนี้ สามารถเก็บรายละเอียดมาบันทึกไว้อ่านให้ได้มากที่สุด
อย่างน้อยก็จะตั้งใจถ่ายรูปแล้วเอามาเล่าต่อให้ได้ดีกว่าครั้งอื่นๆละกัน (เหรอ??)
เปิดตัวด้วยรูปอลังการซักหน่อย อัพเกรดด้วยการใส่แบนเนอร์แล้วค่า 55555
เราจองที่พักและตั๋วเครื่องบินผ่านดีล ได้ใช้แล้วว้อยย 5555
ที่ผ่านๆมาตั้งใจจะใช้ดีลกับการไปที่อื่น อย่างเช่น เกาะล้านหัวก็ล้าน แต่ไม่สำเร็จ
ครั้งนี้ได้ใช้แล้ว ดีใจมาก แต่การใช้ดีลมันก็ไม่ได้ราคาโรยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด
แต่ก็ถือว่าถูกกว่าไม่ใช้อยู่บ้างแล้วกัน มั้งนะ คิดแบบสบายใจเอง 55555
พี่เจเจอโปรจาก ChangTrixGet เป็นเว็บเพจที่แต่ก่อนเราไม่เคยรู้เลยว่ามันมีอยู่
ทางเพจได้มีการนำเสนอโปรเที่ยวทั่วไทย 3 ที่ มีโค้ดลดราคาบลาๆ อะไรก็ว่าไป
มีภูเก็ต (ยังไม่เคยไป) กระบี่ (ยังไม่เคยไป) เชียงใหม่ (จองไว้จะไปกุมภาแล้ว)
ตอนแรกเราก็คุยว่า เออไปภูเก็ตน่าจะดี แต่เรทราคาค่อนข้างทำดิฉันหวั่นผวา
ดูไปดูมาเลยตัดสินใจว่า ลองไปดูฝั่งกระบี่มั้ย ว่าราคามันเป็นยังไงบ้าง
จากผลการสำรวจ ดูเรทราคาและระดับของกระบี่จะเพียงพอต่อความต้องการของเรามากกว่า
เราก็เลยเลือกกระบี่ ก็ไปดูกันว่าพักที่ไหนดี
อันนี้คือทางเพจพี่ช้างนางพ่วงโปรจาก expedia มา หลายคนน่าจะรู้จักเว็บนี้เนาะ
ถ้าไม่รู้จัก หลังจากวันที่ได้อ่านนี่ก็ลองไปใช้ดู มันก็โอเค
บางทีเลือกๆเองในเว็บ อาจจะเจออันที่ถูกด้วยตัวเองก็เป็นได้
การจองที่พัก พี่เจเป็นคนจอง เราเลือกที่จะไป 3 วัน 2 คืน
ซึ่งพอจองไปเนี่ย มันจะพ่วงกับการจองไฟล์ทที่จะบินไปด้วย
แล้วบางอันที่พักดีเชียว ไฟล์ทบูดก็เยอะแยะ กว่าจะเจออันที่คลิกก็หาเยอะอยู่
พอได้อันที่ถูกใจแล้วเราก็ให้พี่เจทำการจองไปเลย
หน้าตาที่พักเป็นยังไง เข้าไปดูคร่าวๆก่อนได้ ส่วนห้องที่เราไป รออ่านข้างล่างเนาะ
ตรงนี้แหละ ที่มาของชื่อทริป คือก่อนหน้านี้มีการตกลงกันเรื่องเดือนที่จะไป
เราก็เสนอว่า เดือนกันยาตุลาเรายังไม่อยากไปนะ เลยตกลงว่าไปพฤศจิกาละกัน
ก็ตั้งชื่อทริปเด๋อๆว่า #กระบี่ไม่ไปตุลา แต่ไปๆมา เรื่องจองโรงแรมเนี่ยแหละ
คือเวลาจองมันจะมีแพคเกจให้เลือก จองเปล่า มีอาหารเช้า บุฟเฟ่ กิจกรรม อะไรงี้
ราคาก็จะแตกต่างกันไป ซึ่งเราอ่ะ เราอีกแล้ว ทุกทริป บ้าบอ
เป็นโรคบ้าอะไรไม่รู้ ชอบทำตัวโนสน แล้วสุดท้ายก็ทำให้พี่เจรมเสีย 55555555
คือพูดเรื่องอาหารเช้ากัน แล้วเราก็พูดว่า เราจะได้กินข้าวกี่มื้อกันอ่ะ
ไม่ต้องเอาก็ได้มั้ง พี่เจก็เลยเลือกอันที่ไม่มี ก็คือไม่บวกอะไรจากราคารวมเลย
พอจองเสร็จจ่ายตังละ เราก็ไปถามว่าได้จองแบบมีอาหารเช้ามั้ย
พี่เจบอกว่า ไม่ได้จอง เราเลยถามว่า แพงกว่าเท่าไหร่ หลักร้อยอ่ะแกร
เราเลยแบบ โห่ยๆๆ จนพี่เจนอย อันนี้เราผิดเองเพราะไม่ยอมใส่ใจ
เลยทำเป็นตลกกลบเกลื่อนตั้งชื่อทริปว่า #กระบี่ไม่มีเบรคฟาสต์ แม่งเลย
เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมตัวเองหรอกนะ ไม่ใช่ไร #KrabiMaimeeBreakfast
จองเสร็จทางเว็บก็มีส่ง email มายืนยันการจอง พร้อมบุควันลง google calendar ให้ด้วย
โอ้โห ครบครันอะไรขนาดนี้ บุควันที่เดินทาง ไฟล์ทไป-กลับ และวันที่เข้าอยู่ในที่พัก
เราบินกับแอร์เอเชีย นางก็จะส่งข้อมูลการบินมาคอนเฟิร์มกับเราด้วย
อันนี้เป็นเที่ยวบินที่เราเดินทาง เวลาดีมากๆ มีความสุข
ใน google calendar ก็จะถูกบุควันแบบนี้ คือเพราะสมัครไปกับเมลล์นะ
ส่วน expedia เองก็ส่งข้อมูลทั้งหมดมาอีกครั้งเพื่อคอนเฟิร์มใน email
ทั้งข้อมูลการบิน ข้อมูลการเดินทาง ที่พัก ข้อมูลที่พัก รายละเอียดอะไรก็ว่าไป
จะเลือกอ่านจากเมลล์ หรือเข้าไปในปุ่มเหลืองๆนั่นก็ได้
และเนื่องจากเราเป็นคนทำให้พี่เจนอยเรื่องอาหารเช้า เราเลยรับปากว่า
จะทำแพลนทริปให้ ว่าทำอะไรบ้าง แล้วอีนี่เนี่ย เป็นคนไม่เค๊ย ไม่เคย
ไม่เคยเป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนไปเที่ยว เราก็จะมาดูกันว่า เราจะทำได้หรือเปล่า
บันทึกไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน
8 กันยายน 2560
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาเขียนต่อเพราะว่า เริ่มหาทัวร์ที่จะไปร่วมด้วยที่กระบี่แล้วปวดศีรษะมาก
ปกติเป็นคนไม่ค่อยสันทัดเรื่องการเดินทาง การวางแผนเที่ยว เส้นทางนานา
ถ้ามาถามนี่สิ่งที่ได้คือ question mark เท่านั้น จอบอ
ทัวร์แต่ละที่จะละลานตามาก และคล้ายกัน บางทัวร์นี่เรียกได้ว่าเจ้าของเดียวกันไปเลยเถอะ
อ่านรีวิวก็จะเจอคนมาถกกันเรื่อง จองก่อน หรือไปจองหน้างานวันนั้นเลย
แต่นี่ก็กะว่าจะโทรไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไปว่าเป็นยังไง
ตอนนี้คือเจอกระทู้พวกที่แนะนำว่า 10 ที่ท่องเที่ยวต้องไปนั่นนี่
ทีนี้ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า การจะไปเที่ยวได้ ถ้าเราไม่เช่ารถ เราก็ต้องหาซื้อทัวร์
เพื่อติดสอยห้อยตามเขาไป จะได้ไม่ต้องกังวลว่าเราจะหลงทาง 555555
แต่ก็นั่นแหละ เป็นเรื่องยากอีกว่า นี่คือครั้งแรกที่เราจะเอาเท้าไปเหยียบพื้นดินกระบี่
What should I do อ่านรีวิวแล้วก็ยังสับสน
เดี๋ยวหาไปเรื่อยๆก่อนแล้วจะมาสรุปว่าเลือกอันไหน ก่อนไปหรือหน้างาน
12 กันยายน 2560
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นการเขียนบล็อคเหมือนทำคดีต่อเนื่องอะไรซักอย่าง 55555555
จะมาอัพเดทเพิ่มเติมเพราะว่า แอร์เอเชียได้มีการเลื่อนเวลาในการบินขากลับ
ทำให้เราได้เวลาบินมาใหม่ ช้ากว่าเดิม ก็ดีนะจะได้เพิ่มเวลาเที่ยว
แต่ที่ดีไปกว่านั้นคือ เราสามารถเลือกได้ว่าอยากจะบินเวลาไหน ตามใจเลย FREE!!!
เพราะทางสายการบินยอมรับว่า มันคือความไม่สะดวกที่เกิดจากสายการบินเอง
เราเลยเลือกเวลาที่จะทำให้อยู่ต่อได้นานขึ้น แต่ไม่กลับช้าเกินจนจะเหนื่อยเอง
นั่นก็คือ เวลา 2 ทุ่ม เยี่ยมกู้ด คือถ้าจองตอนแรกด้วยเวลา 2 ทุ่มอ่ะ
เป็นไพร์มไทม์มากๆ ราคาก็จะน้ำตาตกหน่อยๆ
ปล. หลายคนมาอ่าน อาจจะคิดว่า อินี่ทำไมต้องพิมพ์อะไรยืดยาว
อย่าถือสาเราเลย อันนี้เราไม่ได้ตั้งใจรีวิวขนาดนั้น แต่เป็นเหมือนไดอารี่ของเราเอง 55555
1 พฤศจิกายน 2560
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3 Nov 2017
เอาล่ะ ในที่สุดก็ได้ไปเที่ยวกลับมาซักที ตั้งใจว่าจะเขียนมันหลังทริปเนี่ยแหละ เพื่อความสด
เริ่มเลยแล้วกัน ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอีก ข้างบนพูดไปเยอะแล้วยังไม่พออีกหรือไง หื้มๆๆ
เราออกเดินทางจาก บ้านพระราม 2 ไปยังสนามบินดอนเมือง ค่าแทกซี่ราวๆ 400 กว่าบาท
รวมทางด่วน 2 ด่าน หน้ามืดตามัวออกจากบ้านตี 5 ครึ่ง ก็เลยต้องพึ่งรถโดยสารราคาแพง
เออแต่ช่างมันเหอะ ถ้าไปสนามบินไม่ทันแล้วต้องทิ้งเงินที่เสียไปทั้งทริปก็จอบอหนัก
มาถึงสนามบินเวลาดีมาก 6.30 น. ก็ไปตามหาบอร์ดที่จะบอกเราว่าเราต้องเข้าเค้าท์เตอร์ไหน
แต่พอไปถึงหน้าเค้าท์เตอร์ก็ต้องเด๋อ เพราะเราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว
และปริ้นเอกสารที่นั่งอะไรเรียบร้อย กระเป๋าก็ไม่ต้องโหลดเพราะสะพายหลังมาชิวๆ
พอยื่นกระดาษที่ปริ้นมาให้พนักงาน เขาก็บอกว่า ใบนี้เข้าเกทได้เลยค่ะ จอบอ
เราก็เอากระดาษใบนั้นเดินไปจะเข้าเกท นึกขึ้นได้ เห้ย ยังไม่ได้กดตังเลย
ก็เลยบอกพี่เจว่า เดี๋ยวไปหาที่กดตังก่อน พี่เจก็บอกว่า เดี๋ยวข้างในก็มีมั้ง
เราก็ถามว่า แล้วถ้าไม่มีอ่ะ กดข้างนอกก็ชัวร์กว่ามั้ย พี่เจก็บอก จะไม่มีได้ไง
ก็เลยไม่กด พอเข้ามาก็พยายามมองหาตู้ ไม่เจอเลยไปดูแผนที่ ไม่มีจริงจ้า คนเลว
ก็เลยต้องระหกระเหินไปกดที่กระบี่ เสียค่าธรรมเนียมกันไป
ก่อนที่จะมาลงเรือ สภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไกด์ก็เลยสารภาพกับเราว่า
ถ้าเกิดไม่ได้ไปครบทุกที่ที่ตกลงไว้ เราจะไม่สามารถคืนเงินให้กับลูกทัวร์ได้
เพราะก่อนที่จะมาก็ได้นำเงินนั้นไปจ่ายให้กับกิจกรรมทั้งหมดแล้ว
เราก็ เออ ก็ต้องแบบนั้นแหละ มันเป็นเพราะสภาพอากาศอ่ะเนาะ ใครจะแก้ได้
จากนี้ก็จะเป็นแพลนของทัวร์ sunset ตามลำดับเกาะที่เราไป ถูกแหละครั้งนี้จดมา 555555
จริงๆก็อยากลงรูปเยอะๆนะ แต่บางตอนก็ลืมๆไปมั่งว่า รูปนี้มาจากช่วงไหน กรรมเบย
เอาล่ะ มาออกเดินทางกันเลย เราเดินทางออกจากท่าเรืออ่าวน้ำเมา
แล้วก็ต้องจ่ายค่าบำรุง 10 บาทก่อนขึ้นเรือ
ก่อนที่จะไปเริ่มทริปจริงๆ เราต้องไปรับลูกทริปเพิ่มอีก 7 คนที่อ่าวไร่เลย์ คนไทย 5 ฝรั่ง 2
มีคนไทยเพิ่มแล้ว แต่เขามากันกลุ่มใหญ่ ดูท่าจะยังเป็นวัยรุ่น (กว่าเรา) ก็แยกๆกันไปอ่ะ
(1) เกาะปอดะ
เกาะแรกที่เรามาแวะหลังจากนั่งเรือมาอย่างยาวนาน แต่ไม่นานมาก เป็นทัวร์ระยะสั้น
พอมาถึงไกด์ก็จะบอกให้ไปดำน้ำและเล่นน้ำ ตามโซนที่ถูกกั้นเอาไว้
อย่างที่บอกสภาพอากาศไม่ค่อยดี ฝนตกวันพฤหัสด้วย ทำให้น้ำค่อนข้างขุ่น
โซนที่ดำน้ำคือตื้นแบบ ถ้าดำลงไปอาจจะหัวฟาดหินตายอยู่ตรงนั้นไม่มีใครรู้ก็ได้
คือตื้นแบบน้ำไม่เปียกเข่า 55555 บ้าบอ แต่จริงๆน่าจะเป็นเพราะช่วงพระจันทร์เต็มดวงด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาเขียนต่อเพราะว่า เริ่มหาทัวร์ที่จะไปร่วมด้วยที่กระบี่แล้วปวดศีรษะมาก
ปกติเป็นคนไม่ค่อยสันทัดเรื่องการเดินทาง การวางแผนเที่ยว เส้นทางนานา
ถ้ามาถามนี่สิ่งที่ได้คือ question mark เท่านั้น จอบอ
ทัวร์แต่ละที่จะละลานตามาก และคล้ายกัน บางทัวร์นี่เรียกได้ว่าเจ้าของเดียวกันไปเลยเถอะ
อ่านรีวิวก็จะเจอคนมาถกกันเรื่อง จองก่อน หรือไปจองหน้างานวันนั้นเลย
แต่นี่ก็กะว่าจะโทรไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไปว่าเป็นยังไง
ตอนนี้คือเจอกระทู้พวกที่แนะนำว่า 10 ที่ท่องเที่ยวต้องไปนั่นนี่
ทีนี้ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า การจะไปเที่ยวได้ ถ้าเราไม่เช่ารถ เราก็ต้องหาซื้อทัวร์
เพื่อติดสอยห้อยตามเขาไป จะได้ไม่ต้องกังวลว่าเราจะหลงทาง 555555
แต่ก็นั่นแหละ เป็นเรื่องยากอีกว่า นี่คือครั้งแรกที่เราจะเอาเท้าไปเหยียบพื้นดินกระบี่
What should I do อ่านรีวิวแล้วก็ยังสับสน
เดี๋ยวหาไปเรื่อยๆก่อนแล้วจะมาสรุปว่าเลือกอันไหน ก่อนไปหรือหน้างาน
12 กันยายน 2560
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นการเขียนบล็อคเหมือนทำคดีต่อเนื่องอะไรซักอย่าง 55555555
จะมาอัพเดทเพิ่มเติมเพราะว่า แอร์เอเชียได้มีการเลื่อนเวลาในการบินขากลับ
ทำให้เราได้เวลาบินมาใหม่ ช้ากว่าเดิม ก็ดีนะจะได้เพิ่มเวลาเที่ยว
แต่ที่ดีไปกว่านั้นคือ เราสามารถเลือกได้ว่าอยากจะบินเวลาไหน ตามใจเลย FREE!!!
เพราะทางสายการบินยอมรับว่า มันคือความไม่สะดวกที่เกิดจากสายการบินเอง
เราเลยเลือกเวลาที่จะทำให้อยู่ต่อได้นานขึ้น แต่ไม่กลับช้าเกินจนจะเหนื่อยเอง
นั่นก็คือ เวลา 2 ทุ่ม เยี่ยมกู้ด คือถ้าจองตอนแรกด้วยเวลา 2 ทุ่มอ่ะ
เป็นไพร์มไทม์มากๆ ราคาก็จะน้ำตาตกหน่อยๆ
และนี่คือเวลาบินใหม่ค่ะคู๊ณณณณณ อิอิ
จริงๆแอร์เอเปลี่ยนเวลาขาไปด้วยนะ แต่ว่ามันแค่ 10 กว่านาที คงไม่มีผลกระทบอะไรมาก
อย่าถือสาเราเลย อันนี้เราไม่ได้ตั้งใจรีวิวขนาดนั้น แต่เป็นเหมือนไดอารี่ของเราเอง 55555
1 พฤศจิกายน 2560
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3 Nov 2017
เอาล่ะ ในที่สุดก็ได้ไปเที่ยวกลับมาซักที ตั้งใจว่าจะเขียนมันหลังทริปเนี่ยแหละ เพื่อความสด
เริ่มเลยแล้วกัน ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอีก ข้างบนพูดไปเยอะแล้วยังไม่พออีกหรือไง หื้มๆๆ
เราออกเดินทางจาก บ้านพระราม 2 ไปยังสนามบินดอนเมือง ค่าแทกซี่ราวๆ 400 กว่าบาท
รวมทางด่วน 2 ด่าน หน้ามืดตามัวออกจากบ้านตี 5 ครึ่ง ก็เลยต้องพึ่งรถโดยสารราคาแพง
เออแต่ช่างมันเหอะ ถ้าไปสนามบินไม่ทันแล้วต้องทิ้งเงินที่เสียไปทั้งทริปก็จอบอหนัก
มาถึงสนามบินเวลาดีมาก 6.30 น. ก็ไปตามหาบอร์ดที่จะบอกเราว่าเราต้องเข้าเค้าท์เตอร์ไหน
แต่พอไปถึงหน้าเค้าท์เตอร์ก็ต้องเด๋อ เพราะเราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว
และปริ้นเอกสารที่นั่งอะไรเรียบร้อย กระเป๋าก็ไม่ต้องโหลดเพราะสะพายหลังมาชิวๆ
พอยื่นกระดาษที่ปริ้นมาให้พนักงาน เขาก็บอกว่า ใบนี้เข้าเกทได้เลยค่ะ จอบอ
เราก็เอากระดาษใบนั้นเดินไปจะเข้าเกท นึกขึ้นได้ เห้ย ยังไม่ได้กดตังเลย
ก็เลยบอกพี่เจว่า เดี๋ยวไปหาที่กดตังก่อน พี่เจก็บอกว่า เดี๋ยวข้างในก็มีมั้ง
เราก็ถามว่า แล้วถ้าไม่มีอ่ะ กดข้างนอกก็ชัวร์กว่ามั้ย พี่เจก็บอก จะไม่มีได้ไง
ก็เลยไม่กด พอเข้ามาก็พยายามมองหาตู้ ไม่เจอเลยไปดูแผนที่ ไม่มีจริงจ้า คนเลว
ก็เลยต้องระหกระเหินไปกดที่กระบี่ เสียค่าธรรมเนียมกันไป
ในสนามบินก็ไม่มีไรมากหรอก ดอนเมืองเรามาครั้งแรกก็อาจจะงงๆ
แต่ว่าขนาดมันไม่ใหญ่มาก เลยไม่ยากเท่าไหร่
จากนั้นเราก็ไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องที่เกท 71 ตามที่ป้ายบอกมา
มาดูบรรยากาศที่สนามบินกันซักหน่อย ซึ่งดูไปทำไมก็ไม่รู้
ป้ายนี้จะบอกว่าเราต้องไปเข้าเกทไหน ก็ดูเวลา ปลายทางและเที่ยวบินเอา
คนเยอะทุกเกท
ใครยังไม่ไปก็มานั่งจีบกันรอได้ หรือถ้าไม่มีคู่ก็นั่งคุ้ยของในกระเป๋าเอานะ
หรือจะซบกันแบบโรแมนติก ง่วงจังเลยเตง
หรือจะนั่งเป็นก้อน หรือนั่งไหลๆ แงง เจ้าก้อน อยากเล่นด้วย
หน้าเกทก็จะมีจอทีวีบอกเราอยู่ว่า ตอนนี้กำลังฉีกตั๋วของไฟล์ทไหน เราก็ไปต่อๆแถว
เนื่องจากเกทที่เรารอมันอยู่ข้างล่าง ตอนแรกก็พูดเล่นกับพี่เจว่า สงสัยมันอยู่ชั้นใต้ดิน
พอเดินๆมา เอ้าจริงเฉย แต่เกทนะที่อยู่ เครื่องบินก็อยู่ของนางปกติ
พอเราเข้ามาในเกทก็จะต้องไปขึ้นรถบัสของสายการบิน เพื่อเขาจะพาเราไปขึ้นเครื่องอีกที
นี่ก็เป็นครั้งแรกของการมาที่ดอนเมือง และขึ้นรถบัสไปขึ้นเครื่องบิน อิอิ
ข้างในก็จะมีที่นั่งน้อยๆ ที่ยืนเยอะๆ
ซึ่งตอนแรกเนี่ย เราก็ไม่ได้สังเกตสีของรถบัสดีเท่าไหร่
แต่ในมโนจิตก็คิดว่ามันต้องเป็นสีแดงแหละ เพราะเป็นสีของสายการบิน
พอตอนลงจากรถ รอขึ้นเครื่อง เลยหันไปดู โอ้โห ส้มหมดแล้วว 55555
สีที่คิด (google มา)
สีจริง (นี่ไม่ได้ปรับสีหรือแสงจากรูปเลยนะ)
ไปจ้า บินไปกับพี่แอ๊ดกัน
เห็นคนอื่นชอบถ่าย เลยถ่ายมาบ้าง
เกือบลืมเล่าประสบการณ์การเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินครั้งแรก
คือเราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะขึ้นมาลองฉี่บนนี้หรืออะไรหรอกนะ แต่มันปวดพอดี
ตอนเข้าไปข้างในก็ปกติไม่มีไร แต่ตอนกดมันลงไปเนี่ยแหละ
คือเรามองแต่ปุ่ม flush พอลุกจากที่นั่งก็เลยกดเลย
แต่เสียงมันดูดลงไปดังมาก จนเราผงะออกมานิดนึง หลังจากกดเสร็จ
เราเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์ตรงแถวๆบนผนังตรงกับฝาว่า
ให้ปิดฝาก่อนค่อยกด flush เรานี่แบบ โอ้มายก้อดด กากจริง เด๋อสุด
หน้าตาสัญลักษณ์เป็นประมาณนี้ แปลชัดเจนแจ่มแจ้งเลย
ถ้ามันดูดเราลงไปกับฉี่นั่นด้วยล่ะ ฮือๆๆ ไม่พอนะ กดน้ำล้างมือไม่เป็นอีก
คิดว่ามันจะต้องหมุน นี่ก็หมุนไปดิ ที่ไหนได้ กด หยุดน้ำไม่เป็นด้วย
แต่จริงๆมันหยุดอัตโนมัติ คือสภาพมันไม่เหมือนจะหยุดอัตโนมัติเลยอ่ะ จริงๆนะ
ภาพสุดท้ายก่อนหลับๆตื่นๆ ลูกเรือให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม
จะขึ้นจะลงก็สภาพเดิม กลัวเทคออฟ เมาเครื่องบิน
มาถึงแล้วจ้าาาาาาาา
อ่ะ มาถึงสนามบินนานาชาติกระบี่แบบใสๆ ก็ต้องไปตามหารถที่จะพาเราไปส่งยังที่พัก
เราก็เดินๆ มาแบบหลงเมืองอ่ะ ก็จะมีคนถามรายทาง เหมือนหมอชิตเลย
ไปไหนคะ ไปไหนครับ มานี่ได้ครับ นั่นนี่บลาๆ จนเรารู้สึกเยอะไป๊
ก็เลยเดินเข้าไปข้างในอีกรอบ แล้วถามที่เค้าท์เตอร์ เขาก็พามาข้างนอก
จากที่ที่ดิฉันหนีมานั่นแหละค่ะ ปรากฏว่าจริงๆมันมีรถบัส กับรถตู้ ที่ราคาเท่ากัน
150 บาท แต่ถ้าอยากรีบก็นั่งรถตู้ ถ้าอยากชมเมืองก็นั่งรถบัส นานกว่า
เราเลือกนั่งรถบัส เพราะหวังว่าอาจจะได้ชมเมือง 5555555555 เหรอๆๆ
ได้ตั๋วขึ้นรถมาแล้ว ก็ต้องถ่ายรูปเป็นธรรมเนียม
รถบัสก็จะมาจอดรออยู่แล้วหลายคัน เห็นว่ามันน่าจะมีตารางเดินรถ
แบบออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งเราลงจากเครื่องเกือบๆ 10 โมงพอดี ก็มารอรอบ 10 โมงนั่นแหละ
เรามาถึงโรงแรม Ava Sea Resort ประมาณ 11.20 น. ซึ่งตามจริงเราจะ check-in ได้ตอนเที่ยง
แต่พอดีว่ามันมีห้องว่างอยู่ ทางโรงแรมก็เลยให้เรา check-in ได้เลย
แต่ว่าห้องที่จะให้เราตอนแรก แขกยังไม่ออก ก็เลยเปลี่ยนห้องให้ โห นี่เล่าละเอียดมากอ่ะ
หน้าล้อบบี้โรงแรม พนักงานที่ต้อนรับมีผู้หญิงคนนึงแล้วก็ผู้ชาย ดีนะ สุภาพดี
ตรงนี้คือห้องอาหาร ที่เราไม่ได้จองเบรคฟาสต์ไงล่ะพวกกกก ชื่อห้องอาหาร seaweed
ตรงกลางระหว่าง 2 ตึกจะมีสระว่ายน้ำ ลึก 1.4 เมตร ก็ประมาณจมูกเราพอดีเลยนะตัว
อันนี้คือตึกอีกฝั่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตึกที่หรูกว่าตึกเรา
เพราะชั้นล่างมีห้องที่มีสระยาวไปถึงหน้าห้องด้วย ตอนแรกจะจอง เห็นราคาแล้วใจสลาย 555555
ทำเป็นถ่ายแฟชั่นเซทสระว่ายน้ำซักหน่อย
จากนั้นก็เข้าห้อง เก็บของ เอาชุดออกมาจัดๆ เอาของใส่กระเป๋ากันน้ำ เตรียมไปทัวร์ที่จองไว้
แต่ก่อนจะไปทัวร์ ต้องรับทานอาหารเที่ยงไปก่อน เพื่อให้มีแรงต่อสู้กับแต่ละเกาะ
เราจึงออกไปเดินหาร้านอาหารกินกัน หาไปหามา จบที่แมคโดนัลด์ โอ้โห
บอกเลยนะ หากินที่กรุงเทพไม่ได้ เบอร์เกอร์กระบี่งี้ เฟร้นฟรายกระบี่งี้
แบ๊วใสด้วยชุดแฮปปี้มีลที่ลืมไปว่ามันได้ของเล่นด้วย
จากนั้นก็มารอทัวร์มารับ เราจองทัวร์ sunset กับบริษัท sawasdeeandaman ไว้
จ่ายตังไปแล้วคนละ 950 บาท เป็นโปรแกรมทัวร์ชมพระอาทิตย์ตกทะเล
ซึ่งจริงๆเหมือนเขาจะเขียนโปรแกรมไว้กลางๆ เพราะสุดท้ายพอเราไปจอยกับคนอื่น
โปรแกรมจะถูกเบลนให้เข้ากัน คือสถานที่เหมืิอนเดิม แต่ลำดับอาจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
กลับมานั่งรอทัวร์มารับก็ต้องลงรูปเหรอ ?
ทัวร์มารับเราด้วยรถที่เหมือนรถกอล์ฟ มี 3 แถว มีคนนั่งมาก่อนแล้ว 4 คน
เราก็ขึ้นไป จากนั้นก็ไปรวมกันที่นึงเพื่อเช็คชื่อว่ามาแล้วนะ จ่ายเงินแล้วนะ
จากนั้นเขาก็จะให้เราจ่ายค่าอุทยาน ที่อาจจะอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยว
ต่างชาติ 400 บาท คนไทย 40 บาท ซึ่งตอนหลังลืมไปเลย จนพี่เจถามว่าไหนอุทยาน เออว่ะ
พนักงานจะถามว่าอยากได้สนอคเกิ้ลกับหน้ากากมั้ย เราก็อยากได้ค่ะ ก็ไปซื้อเองสิ ผิด
เขาจะแจกคนที่คาดว่าจะใช้เท่านั้น แล้วก็ให้ลงรหัสไว้ จะได้รู้ว่าใครทำหาย
แอบไปหยิบของคนอื่นมาเนียนไม่ได้นะจ๊ะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าทำหายต้องจ่าย 1,000 บาท
เรามาลงที่จุดลงทะเบียนของทัวร์ แล้วก็รอคนอื่นๆที่จะไปด้วยกัน
ระหว่างรอเรือมารับออกทะเล เสื้อผ้าหน้าผมตอแหลหน่อยนะ
เราเดินทางด้วยเรืออะไรอ่ะ ไม่รู้ดิ ลำใหญ่ไม้ๆ 2 ชั้น แต่นั่งกันแค่ชั้นบน
นั่นแหละ ไม่รู้เรียกเรืออะไร ไม่ได้ถ่ายทั้งลำมาให้ดู
ถ้าเกิดไม่ได้ไปครบทุกที่ที่ตกลงไว้ เราจะไม่สามารถคืนเงินให้กับลูกทัวร์ได้
เพราะก่อนที่จะมาก็ได้นำเงินนั้นไปจ่ายให้กับกิจกรรมทั้งหมดแล้ว
เราก็ เออ ก็ต้องแบบนั้นแหละ มันเป็นเพราะสภาพอากาศอ่ะเนาะ ใครจะแก้ได้
จากนี้ก็จะเป็นแพลนของทัวร์ sunset ตามลำดับเกาะที่เราไป ถูกแหละครั้งนี้จดมา 555555
จริงๆก็อยากลงรูปเยอะๆนะ แต่บางตอนก็ลืมๆไปมั่งว่า รูปนี้มาจากช่วงไหน กรรมเบย
เอาล่ะ มาออกเดินทางกันเลย เราเดินทางออกจากท่าเรืออ่าวน้ำเมา
แล้วก็ต้องจ่ายค่าบำรุง 10 บาทก่อนขึ้นเรือ
อย่างที่เคยบอกไปในโพสต์ก่อนๆ ว่าเสียดายสถานที่แบบนี้ มันผุพัง แง
เพื่อนร่วมทริปชาวต่างชาติ
2 คนค่ะ
ชมวิวกันซักหน่อย
อันนี้ไม่ใช่เรือที่เราจะขึ้นนะ
เจ้าหง่าว
อ่ะ โอเค ลงทะเลละ
ก็ไม่อยากลงรูปตัวเองเยอะขนาดนี้นะ แต่มีแต่รูปตัวเองอ่ะ แงง 5555
ทั้งเรือตอนแรกมีนักท่องเที่ยวคนไทยอยู่ 3 คน คือเรา 2 คนและภรรยาฝรั่ง 1 คน
ก่อนที่จะไปเริ่มทริปจริงๆ เราต้องไปรับลูกทริปเพิ่มอีก 7 คนที่อ่าวไร่เลย์ คนไทย 5 ฝรั่ง 2
มีคนไทยเพิ่มแล้ว แต่เขามากันกลุ่มใหญ่ ดูท่าจะยังเป็นวัยรุ่น (กว่าเรา) ก็แยกๆกันไปอ่ะ
ระหว่างทาง
พี่ไกด์ ชื่อพี่นัท แล้วก็พี่คนขับเรือ
เกาะแรกที่เรามาแวะหลังจากนั่งเรือมาอย่างยาวนาน แต่ไม่นานมาก เป็นทัวร์ระยะสั้น
พอมาถึงไกด์ก็จะบอกให้ไปดำน้ำและเล่นน้ำ ตามโซนที่ถูกกั้นเอาไว้
อย่างที่บอกสภาพอากาศไม่ค่อยดี ฝนตกวันพฤหัสด้วย ทำให้น้ำค่อนข้างขุ่น
โซนที่ดำน้ำคือตื้นแบบ ถ้าดำลงไปอาจจะหัวฟาดหินตายอยู่ตรงนั้นไม่มีใครรู้ก็ได้
คือตื้นแบบน้ำไม่เปียกเข่า 55555 บ้าบอ แต่จริงๆน่าจะเป็นเพราะช่วงพระจันทร์เต็มดวงด้วย
มาถึงแล้วจ้าาา เกาะปอดะ
ท่าลงจากเรือ
เห็นรูปรีวิวถ่ายหินอันนี้กับน้ำทะเลมาสวยมาก ส่วนรูปเราเราสวยพอแล้ว อิอิ
หลังจากเริ่มเล่นน้ำ การถ่ายภาพทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยโทรศัพท์ซัมซุงกันน้ำของเรา 2 คน
แต่ไม่ได้เอาลงไปจุ่มแบบเปลือยๆนะ อันนั้นน่าจะโหดเกิ้นน ก็ใส่ซองกันน้ำแบบสงกรานต์เฟสติวัล
โซนที่ให้เล่นน้ำ มันเจื่อนมากอ่ะ แบบขุ่นโคตร เลยไม่ได้ออกไปเล่นไกลๆ เล่นแค่โดนน้ำแล้ว จบ
ไกด์จะให้เวลาเราในการเล่นน้ำ ถ่ายรูป เตร็ดเตร่ แล้วก็จะเรียกให้ขึ้นเรือไปต่อ
ทีนี้เหมือนมันจะเริ่มช้าแล้วมั้ง เขาก็เลยให้ขึ้นเรือเร็วๆไป เรือหางยาวเหรอ น่าจะใช่
ไปยังที่ต่อไปก็คือทะเลแหวก โดยไกด์มีการแจ้งว่า วันนี้ทะเลไม่แหวก แต่แหกไปเลยจ้าาา
พลขับเรือหางยาว
(2) ทะเลแหวก
ทะเลแหวกมันจะเป็นลักษณะสันทรายที่พอน้ำลงแล้วมันโผล่ขึ้นมา
เดินเชื่อมกัน 3 เกาะได้ แต่วันนี้น้ำลงเยอะมากไปหน่อย ก็เลยดูเหมือนเป็นหาดมากกว่า
ไกด์บอกให้เดินเล่นถ่ายรูปพอ เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำที่เกาะไก่ เราก็เลยทำตามคำแนะนำของไกด์
อย่ามองพุง
in front of the wild
เนี่ย หาดข้างล่างอ่ะ คือตรงที่ควรจะมีน้ำขึ้นมาหน่อย
แต่จริงๆพยากรณ์อากาศก็บอกนะ ว่าช่วงนี้ทะเลจะไม่แหวกสวยๆอ่ะ
เป็นการยืนยันว่ามาถึงแล้วจ้า
น้ำแห้งมาก
ถ่ายรูปเล่นสิคะ
กลมกลืนกับธรรมชาติค่ะ
เนี่ย คือแบบแห้งป๊ายยย
พอถ่ายรูปจนหนำใจละ ก็เห็นคนอื่นทยอยไปที่เรือ ก็เลยไปบ้าง
จากนั้นไกด์ก็พาเราไปเล่นน้ำหลังเกาะไก่ ก็คือให้ดำน้ำนั่นแหละ
(3) ดำน้ำที่เกาะไก่
ตรงนี้น้ำยังพอใสๆอยู่ ก็จะเห็นปลา ปะการังไม่ค่อย น้ำลึกอยู่ประมาณนึง
รูปก็ไม่ค่อยจะมี เพราะลงไปเล่นน้ำ พี่เจก็ว่ายน้ำไม่แข็ง การถือโทรศัพท์เลยยากลำบาก
เราก็เออ แขวนคอไปเครื่องนึงละกัน พยายามจะถ่ายรูปปลาใต้น้ำ แต่ภาพขุ่น 5555
คือถ่ายมา 3 รูป รูปนี้ดูจะไม่สมบูรณ์น้อยที่สุด 55555
นี่คือความพยายามในการถ่ายปลาใต้น้ำ ขนาดขยายเป็น 16:9 แล้ว ยังได้แค่นี้
หลังจากดำน้ำเสร็จ เรือก็จะออกจากเกาะไก่เพื่อให้เห็นหัวไก่
บ๊ายบายเกาะไก่
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปหาข้าวรับทานกัน โปรแกรมที่บอกเอาไว้ในเว็บ
คือจะได้กินบาบีคิวริมหาดอ่าาาา แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่สมบูรณ์ก็ต้องยอมรับ
ก็เลยได้รับทานอาหารบุฟเฟ่ต์แบบนั่งรอให้เขามาเสิร์ฟ
(4) รับทานข้าวเย็นที่อ่าวไร่เลย์
รายการอาหารไม่ได้ถ่ายมา เพราะแบตโทรศัพท์เหลือ 5% แบตทุกอย่างจะหมดแล้ว
แต่มันมีข้าวผัด แพนงไก่สีเขียวๆ ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดผัก ไก่ย่าง ไข่เจียว ข้าวสวย
เมนูที่นี่จะเป็นไก่แทบทั้งหมดเพราะเป็นชาวอิสลามกัน ก็จะไม่รับทานหมูนั่นเอง
ถ้ากินหมดแล้วก็จะมีคนเอามาเติมให้ โต๊ะก็นั่งรวมกันทั้งหมด เขินๆกันไป 555555
มาถึงอ่าวไร่เลย์ก็ต้องลงเรือแล้วเดินบนทางอันนี้ โคลงแบบเมาเท่านั่งเรือ 5555
ก็จะพบเจอทัวร์อื่นบ้างไรบ้าง
การรับทานอาหารก็ฟีลแบบแฟมิลี่ดินเน่องี้ อันนี้พี่เจถ่ายมา
กินข้าวเสร็จก็เดินกลับไปขึ้นเรือกัน และเนื่องจากวันนี้เป็นวันลอยกระทง
พระจันทร์เต็มดวง ก็จะมีความสว่างไสว เห็นทุกสิ่งอย่างบนปฐพีและผืนน้ำ
ไกด์จึงบอกว่า วันนี้อาจจะเห็นแพลงตอนเล็กน้อยเท่านั้น
(5) ดูแพลงตอนเรืองแสง
เราไม่แน่ใจว่าเขาพาไปตรงไหน แต่มันจะมีทุ่นลอยอยู่ จากนั้นก็จะปล่อยให้เราลง
แพลนที่เราดูมาตอนแรก เขาบอกว่าจะพาไปดูหิ่งห้อยทะเล ที่ถ้ำพระนาง
แต่ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอันเดียวกันหรือเปล่า
ตรงนี้ไม่มีรูปแน่นอน เพราะทุกอย่างมืดหมด ไฟบนเรือก็ต้องปิด
ยังดีที่เมฆเยอะ ช่วยบังแสงจากดวงจันทร์ได้ประมาณนึง
ลงมาในน้ำก็หนาวๆ แถมน้ำยังแรงมาก ไกด์บอกว่าไม่ให้ว่ายไปไกลจากท้ายเรือ
แต่น้องไม่ได้ว่ายค่ะ น้องลอยตามกระแสน้ำมา แล้วมาไกลด้วยนะ น่ากลัวอยู่
ตอนแรกพี่เจจะไม่ยอมลง เพราะมองอะไรไม่เห็นเลย แล้วมีการบอกว่า
ถ้าทุกคนบนเรือลง ก็จะลงด้วย สรุปทุกคนลงจ้า บรุย ไอกาก
วิธีที่จะทำให้เห็นแพลงตอนนี้ก็คือ เอามือสะบัดๆในน้ำ มันจะมีแสงเขียวๆระยิบระยับขึ้นมา
นั่นแหละ แต่พี่เจไม่เห็น เพราะกลัวน้ำพาไปไกลอยู่ พอนี่บอกให้ว่ายน้ำกลับแรงๆ
เงยหน้าไปอีกที พี่เจอยู่บนเรือแล้ว เดี๋ยวคุณ เป็นนักกีฬาว่ายน้ำหรือเปล่า ไวขนาดนั้น
ลองไปหาภาพตัวอย่าง มันมีแต่ภาพเว่อๆ ก็แปะก็ได้อ่ะ
นี่คือไปขโมยรูปจากเพจทัวร์มา มันน่าจะประมาณนี้แหละ อนุญาตคนในรูปนะคะ อิอิ
พอดูแพลงตอนเสร็จก็จบทริปในทะเลแล้ว เรือก็จะพาเรามาส่งที่ท่าเดิม
(6) ควงกระบองไฟไม่ใส่เสื้อ
แต่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่ นั่นก็คือควงกระบองไฟ เราชอบนะ ตื่นเต้นดี
แต่ติดเรื่องนึง คือน้องที่เล่นอ่ะ เราถามเขาว่า อายุเท่าไหร่ น้องบอก 14
ชุดที่น้องใส่มาคือ กางเกงนักเรียน ถอดเสื้อ รองเท้าแตะ คือบับ มีคอสตูมหน่อยมั้ยอ่ะ 55555
น้องเล่นอยู่นานเหมือนกันนะ เปิดเพลงมันส์ๆ เร้าๆหน่อย ทุกคนก็ดูตื่นตาตื่นใจดี
พอเล่นจบ ก็ถือว่าเป็นการจบทริปโดยสมบูรณ์ กลับที่พักกันได้
และเนื่องจากวันนี้เป็นวันลอยกระทงอย่างที่บอก ทางที่พักก็เลยมีกระทงฟรีแจกให้ไปลอย
คนละ 1 กระทง หรือจะคู่ละกระทงก็ได้ เพื่อเอาไปลอยที่ทะเล ใช่ค่ะ ต้องลอยที่ทะเล
แต่เขาก็แนะนำนะว่าให้รอไปตอนดึกๆ เพื่อที่น้ำจะได้นิ่งๆแล้ว ค่ะ น้ำนิ่งที่ชายหาด
เรากลับมาอาบน้ำอาบท่า สละความตัวเหนียว หัวเหนียว แต่งตัวออกไปลอยกระทง
ก็เป็นกระทงที่ได้ฟรีมานั่นแหละ พอไปถึงที่หาดก็มีคนลอยอยู่เยอะแล้ว
แต่ไม่มีไฟแช็ค ต้องไปขอไฟจากฝรั่ง พอเอาลงไปลอย คือน้ำมันก็ซัดกลับมา
ก็ต้องไปผลักๆๆ ผลักจนไฟดับเลยจ้าาา สงสัยพรที่ขอไปต้องได้ผล 55555
เจอป้ายนี้ตรงหัวมุมก่อนเลี้ยวเข้าอ่าวนาง น่ารักดี
กระทงฟรีที่ได้มาจากโรงแรม ส่วนหน้าก็อาจจะดูหลอนไปหน่อยนะ
อ่ะ เดี๋ยวจะหาว่ามาคนเดียว
พร้อมลอยแล้ว ต้องลงไปในน้ำ ขาเหนียวอีก
ไปปปป ผลักไสกระทง
ลอยเสร็จแล้ว ไปเดินเล่นนิดหน่อย ซึ่งก็ไม่ค่อยมีอะไรนอกจากบาร์และร้านอาหาร
ด้วยความที่เป็นสายแดก ก็ต้องมุ่งไปที่ร้านอาหาร เหมือนไม่เคยรับทานข้าวเย็นมาก่อน
เราเข้าไปที่ร้านที่มีพิซซ่า เพราะอยากกินแหละ พอเข้าไปเขาบอกเพิ่งเปิดวันนี้วันแรก
โอ้โห มาบุกเบิกอะไรขนาดนั้นล่ะ เราขึ้นไปนั่งข้างบน บรรยากาศกำลังดีเลย
ร้านเจซิโอ้ แต่พออีกวันเราก็เห็นว่ามันมีสาขาอื่นอยู่แล้ว แค่สาขานี้เพิ่งเปิด
ผ้าปูโต๊ะเป็นผ้าถุงกันไปเลยจ้าา แต่ใหม่แหละ คงไม่เอาอันใช้แล้วมาปู
อันนี้คือคอกเทลแนะนำของร้าน ชื่อ ไหมไทย มั้งนะ เขาเขียนงี้ Maithai
คือเราสั่งไม่เป็นแต่อยากลองกิน ก็เลยให้เขาแนะนำมา อร่อยดีเหมือนกัน
พิซซ่าซีฟู้ดของข้า จงลงมาในพุงของข้าาาา
พี่เจเป็นคนชอบกินกุ้งมาก ก็เลยสั่งอาหารที่มีกุ้งทุกที่ที่ไป
กินเสร็จ อิ่มมาก จบสิ้นกระบวนความ กลับบ้านนอน คร่อก
พรุ่งนี้เอาไปต่ออีก part นึงนะ อันนี้ยาวมากๆแล้ว เราจะไปทัวร์ one day กัน
วู้เย!!!
Part 2
Comments
Post a Comment