ไปภูกระดึ่งดึงดึ้ง Part 1

นี่ถือเป็นทริปส่งท้ายปี 2559 อย่างเป็นทางการของเรากับพี่เจ
และเป็นทริปแรกที่มาต่างจังหวัดกัน 2 คน หลังจากที่คบกันมา 3 ปี

สปอยรูปก่อนเลย เป็นการบอกว่าไปถึงนะโว่ยย

แม่งเป็นทริปที่อยู่ดี ๆ ก็ผุดขึ้นมา แบบเห้ยไปภูกระดึงกันเถอะ
และตัดสินใจไวมากเพราะโตแล้ว และมีเงินเดือนแล้ว และมีความรับผิดชอบแล้ว

ตอนแรกก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จนอยู่ดีๆก็คิดขึ้นว่า
หรือจะไปเชียงใหม่กันดี นั่งเครื่องไปลงงี้ ชิว ๆ เก๋ ๆ
แต่เราก็แบบ เห้ย ตอนแรกยังชวนไปภูกระดึงอยู่เลย ไปดิ ไม่เคยไป
พี่เจบอกว่า ไปมา 2 รอบแล้ว ถ้าไปอีกนี่ก็รอบ 3 แล้วอ่ะ
แต่จำอะไรบนภูตอนไปกับเพื่อนไม่ค่อยได้

เราก็อ่ะ ไปกันเถอะ เลยจัดการจองตั๋วรถทัวร์ไปและกลับเรียบร้อย
ตารางการเดินทางจะค่อย ๆ เล่าไปเรื่อย ๆ ตามเหตุการณ์เลยแล้วกัน

อ่ะ ให้ดูขนาดของสัมภาระก่อน ขนเหมือนย้ายบ้านเลย



25 ธันวาคม 2559
22.00 น. ออกเดินทาง จากสถานีขนส่งหมอชิต 2
เนื่องจากตั๋ว เป็นแบบจองก่อนล่วงหน้า
เราจึงจำเป็นจะต้องมาถึงก่อนเวลาออกเดินทาง 30 นาที - 1 ชั่วโมง
แล้วแบบ เป็นบีซี่เดย์อะไรก็ไม่รู้ ต่างคนต่างมีงานอยู่ติดพัน
เลยทำให้ล่กไปชั่วขณะ จะไปทันมั้ยนะ จะโดนแคนเซิลตั๋วมั้ย
สรุปมาถึงก่อน 1 ชั่วโมงพอดี โล่งใจไป
(เรานั่ง BTS จากกรุงธนฯมาลงหมอชิตแล้วต่อมอไซค์ 80 บาท)
หรือใครจะไปซื้อบัตรหน้าเค้าท์เตอร์ก็ได้นะ
แต่ถ้าช่วงคนเยอะ แนะนำให้จองไปนั่นแหละดีแล้ว
ราคาตั๋วก็สูง แต่ไม่มาก ตามระดับวีไอพี ตกคนละ 600 กว่าบาท

พอมาถึงหมอชิต 2 กำใบจองตั๋วรถทัวร์เอาไว้ให้ดี
ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องไปออกตั๋วที่ไหน สอบถามคนแถวนั้นได้เลย
แม่งจะมีความใจดีแฝงน่ากลัวแปลกๆที่นี่ คือ
ทุกคนที่ยืนอยู่โดยรอบจะอยากให้ความช่วยเหลือเรามาก
แต่มันจะดูน่ากลัวจนเราไม่กล้าขอความช่วยเหลือ 5555555

เราจะไปสายตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ต้องขึ้นไปชั้น 3
หาช่องที่มีชื่อบริษัทรถทัวร์ที่เราจองมา

ตอนที่ไปแลกตั๋ว เสียดายมากที่เขาไม่ออกเป็นตั๋วใบๆอ่ะ

แต่ออกเป็นหางใบเสร็จ แบบสลิปบางๆสีขาว ให้ไปโชว์กับพนักงานที่รถ

เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย ไม่มีตั๋วให้เก็บดีๆด้วย เสียดายๆ แง


เราจองของซันบัส แม่เอ้ย รถดีอ่ะ ชาร์จแบต ดูหนัง ฟังเพลง

เบาะนิ่ม นั่งสบาย นอนก็สบาย ผ้าห่มตอบโจทย์
ห้องน้ำในตัวแยกชายหญิง อาหารครบครันไม่บ่นหิว วู้ว

ไปค่ะ ออกเดินทางกัน หลับ...


26 ธันวาคม 2559
05.00 น. ถึงจุดจอดผานกเค้า
รถทัวร์จะปล่อยเราลงฝั่งตรงข้ามร้านเจ๊กิมแล้วไปต่อ
เราก็จะต้องมากินข้าวกินน้ำ เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า บ้วนปาก

หรือไปนอนรอเลยก็ได้ เพราะที่นี่คือจุดจอดรถจนกลายร่าง

เป็นจุดจำหน่ายตั๋วไปแล้ว ใครอยากได้ตั๋วขากลับ
เพราะยังไม่ได้จองมา ก็สามารถถามได้ที่ร้านเจ๊กิมเลย
มันจะมีห้องจำหน่ายตั๋วอยู่ข้าง ๆ มีตู้ ATM ของออมสินอยู่

มีสติถ่ายมาได้แค่นี้

06.00 น. นั่งรถแดงขึ้นไปที่ทางเข้าอุทยาน
ซึ่งรถแดงที่ว่าก็คือสองแถวนี่แหละ มันจะมีราคา 2 แบบ
แบบแรกคือ เหมารอบ 300 กี่คนก็ได้ ซึ่งจริงๆมันนั่งได้แค่ 10 คน
หรืออีกแบบคือรอให้คนเต็มรถ 10 คน ถ้าไม่ได้มาด้วยกัน ก็จ่ายคนละ 30 บาท

พอมาถึงก็ต้องเข้าแถวจองเต้นท์และซื้อตั๋วค่าเข้าอุทยาน
ผู้คนก็จะหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสาย ในช่วงวันหยุด
แต่เผอิญวันที่เราไปมันเป็นวันจันทร์ แต่อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม
เลยมีคนมาเยอะเป็นพิเศษ แต่คิดว่ายังไม่เยอะเท่าเสาร์ - อาทิตย์
นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะตั้งแต่ยังไม่สว่างเลย


อันนี้แถวรอเข้าคิวซื้อบัตรและจองเต้นท์ ทั้งจองออนไลน์และจองหน้างาน
****มันจะมีการจองออนไลน์ในเว็บของอุทยาน แต่ทำได้ค่อนข้างยาก
คนที่สามารถจองได้น่าจะต้องโชคดีมาก 555555***

นี่คือหางแถวยาวออกไปด้านหน้าทางเข้าเลย นี่คือคนเยอะแต่ยังไม่มากนะ

การเข้าแถวจองเต้นท์ ซื้อบัตรเข้าอุทยานค่อนข้างใช้เวลาอยู่
เพราะฉะนั้นใครที่ไปคนเดียวก็ลำบากหน่อย ต้องต่อทีละแถว
ใครไปเป็นคู่ ก็ต้องแบ่งเป็น 2 หน้าที่ เข้าแถวจองเต้นท์ 1 คนและซื้อบัตรเข้า 1 คน
ถ้ามาเป็นหมู่คณะง่ายเลย ทิ้ง 2 คนให้เข้าแถวไป แล้วที่เหลือรีบเข้าไปข้างใน

เอากระเป๋าไปต่อแถวลูกหาบได้เลย เพราะต้องติดบัตร ชั่งน้ำหนักอีก

ฝากกระเป๋าให้ลูกหาบ ก็จะคิดราคาค่าแบกกระเป๋าตามน้ำหนัก

1 กก. = 30 บาท อย่างของเราก็ 6 โลงี้ 180 ไปเบาะ ๆ

ลูกหาบก็จะมีทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง แต่ส่วนมากก็เป็นผู้ชายเนาะ
ซึ่งแต่ละคนเนี่ย อย่างที่เห็นในภาพว่าจะแบกกระเป๋าบนไม้
ข้างละอย่างต่ำ 5 - 6 ใบ อย่างมากไม่รู้ถึง 10 หรือเปล่า
ตอนเดินผ่านสังเกตที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง แบบบวมอ่ะ โหดมาก T^T

แต่ถ้าใครคิดว่าแข็งแกร่งพอ แบกขึ้นเองได้เลยนะ
มันมีคนแบกเหมือนกัน แต่ก็ค่อย ๆ ไป
ส่วนมากนักท่องเที่ยวต่างชาติอ่ะ แบกเองแทบหมดเลย

อันนี้บัตรเข้าอุทยาน

อันนี้บัตรรับกระเป๋ากับลูกหาบ แหม่ มองเห็นมากมั้ง
มันก็จะเป็นบัตรยืนยันตัวตน ชื่ออะไร กระเป๋ากี่ใบ
แต่ละใบน้ำหนักเท่าไหร่ ใครแบกของเรามา เพื่อจะได้ไม่หาย
ส่วนค่าแบกก็จ่ายตอนเอากระเป๋ากับลูกหาบข้างบน
คิดว่าคงป้องกันการวิ่งราว...เหรอวะ 555555

08.00 น. ออกเดินทางขึ้นภูกระดึง
ก่อนที่จะเข้าไปเนี่ย ก็ต้องมีการเขียนชื่อในสมุดกับเจ้าหน้าที่ก่อน
เพื่ออะไรก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นการเช็คว่าวันนี้คนขึ้นไปเต็มอัตราแล้วหรือยัง
มีให้เขียนที่อยู่ด้วย ก็เขียน ๆ ไป


เส้นทางในการเดินขึ้น มีทั้งหมด 11 แลนด์มาร์ก

เห้ย ถ้าไม่มาอ่านอีกรอบ จำไม่ได้เลยว่ามันเยอะขนาดนี้
แต่ตอนเดินขึ้นจริง ๆ มันจะมีบางจุดมีสถานีให้พัก แต่บางจุดไม่มี
เลยไม่คิดว่ามันมีถึง 11 จุดมั้ง แค่อ่านอีกทีก็ขาลากแล้ว

จากแผนที่อันนี้ จะเห็นได้ชัดว่า จากที่ทำการถึงซำแฮก ชันที่สุด

ซึ่งจริง ขึ้นยาก เมื่อยมาก เหนื่อยสุด ตัดกำลังสุด

อ่ะ ให้ดูรายชื่อแบบแนวตั้ง ซึ่งจะเห็นว่ามันจะบอกระยะทางเอาไว้
เป็นอะไรที่ตัดกำลังเช่นกันถ้ามันไกล 5555555 ถ้าใกล้หน่อยก็โล่งใจเป็นพัก ๆ

ส่วนอันนี้เป็นเส้นทางการเดินเท้าข้างบน เมื่อเราผ่านความชันทั้งหมดทั้งมวลแล้ว
เราจะพบกับทางราบ ทางสวรรค์ แต่ก็ต้องฝ่าฟันกันอีก อย่าหวังจะได้สบายเจ้า

ไป ออกเดินทางกัน แชะภาพก่อนล้าและอ่อนแรง 1 ภาพก่อน ความคมชัด 10/10 มาก


ระหว่างทางเราก็ถ่ายรูปไปด้วยบลา ๆ คนก็มีบ้างประปราย แต่ไม่ถึงกับหนาแน่นมาก
ยังยิ้มได้อยู่ ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง

 มาถึงซำแรกใช้เวลานานมาก เพราะมันโคตรจะชันเลยต้องไต่ขึ้นแบบสโลวไลฟ์
สภาพก็เป็นอย่างที่เห็นล่ะครับท่านผู้โช้มมมม
แฮกกกกกก สมชื่อเลยจ้าาา 

แต่ไม่เป็นไรมีแตงโมให้พักกินชื่นใจ

 นี่ไม่ได้มาเที่ยวนะ มาเป็นตากล้องส่วนตัว อิอิ

นี่คือวิวของซำแฮก พักนานหน่อย จะขาดใจ

 แฟชั่นวีคกันไป


ซำนี้ไม่มีที่พัก ก็ต้องไปต่อแบบหงอยๆ 

 ร้องขอชีวิตจากซำกกไผ่ เมตตาลูกด้วยยย แง

 ระหว่างทางขึ้นทั้งหมด ก็จะมีบางส่วนที่เป็นทางปูน ราวกั้นข้างทาง
บันไดไม้ บันไดเหล็ก บันไดปูน ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น

    




พอขึ้นมาบน ๆ ใกล้เที่ยงละ คนเริ่มเยอะ หิวข้าวด้วย เลยแวะกินข้าวที่ซำสุดท้าย
ราคาอาหารก็จะแพงขึ้นตามความสูง หรือตามความลำบากในการแบกขึ้นนั่นเอง
ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องราคาน้ำเลย แพงโฮกกกก น้ำขวด 7 บาทราคา 30
และขวดลิตรราคา 50 เอาซี่ รู้จักคุณค่าของน้ำก็วันนี้
ส่วนนี้คือข้าวกะเพราหมูในราคา 70 บาท วู้หู้วว

ช่วงซำสุดท้าย หินจะเยอะมาก ชันพอๆกับซำแรก แต่รู้สึกลำบากน้อยกว่า ไม่รู้ทำไม
ช่วงนี้คนก็จะชะลอ ๆ แล้ว ทางค่อนข้างแคบ ไม่เหมือนช่วงก่อน ๆ
การจราจรเลยติดขัดบ้างตามทาง ต้องหยุดให้สวนทางกันบ่อย ๆ



ประมาณ 13.30 น. ถึงข้างบนภูกระดึง แต่มันยังไม่สิ้นสุด
เพราะต้องเดินต่อไปอีก 3 กิโลกว่าๆ เพื่อจะไปถึงจุดกางเต้นท์
แต่ก็เป็นทางราบละ สบายใจขึ้นหน่อย แดดร้อนมาก เพราะไม่มีป่าปกคลุมเลยจ้า
  



จะขาดใจตายแล้วเธอจ๋าา แงแง 


แต่ก็ยังมีอารมณ์ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย

ใช้เวลาเดินประมาณ 30 - 40 นาที ก็มาถึงจุดกางเต้นท์

ตรงนี้จะต้องทำการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเลือกเต้นท์ เช่าฟูก เช่าหมอน เช่าผ้าห่ม
ส่วนเราเอาหมอนและถุงนอนมา ก็เช่าแค่ฟูกพอ เพราะถ้านอนพื้นเปลือย
เธอเอ๋ย บอกเลยว่าไม่รอดกลับไปแน่นอน นอกจากหลังจะหักแล้ว อาจจะหนาวตาย

การเช่าก็ไปแจ้งจำนวน แลกบัตรประชาชนไว้ (กันจิ๊กฟูกกลับ) และจ่ายเงิน
จากนั้นก็ไปเลือกฟูก อันไหนก็ได้ แล้วพาไปที่เต้นท์

หรือถ้าต้องการหมอนด้วยก็หยิบเลย

 พี่ทหารก็จะบอกให้เลือกเต้นท์ที่ประตูหน้าเปิดอยู่ แล้วเข้าไปนอนได้เลย
แต่จะให้เลือกเฉพาะเต้นท์ที่เป็นลายพรางเท่านั้น
ถ้าเป็นเต้นท์สี ๆ คือนักท่องเที่ยวพกมาเอง ถ้าเปิดเข้าไปก็บัดสีบัดเถลิงเลย

และด้วยความเต้นท์สีเดียวกันหมด เราแม่งจำที่ตั้งเต้นท์ตัวเองสับสนมาก

ต้องเอากระดาษเขียนชื่อตัวเองไปติดไว้หน้าเต้นท์ เพื่อให้จำได้ 555555


จากนั้นก็ถึงเวลารอลูกหาบขนของเรามาให้ถึงที่หมาย จะได้ไปเดินเล่นจุดต่างๆต่อ

ระหว่างที่รอเราก็เข้าไปนอนตายในเต้นท์ก่อนได้เลย ตายจริงแบบโนฟื้น
พี่เจรับหน้าที่ออกไปรอลูกหาบข้างนอก แบบไม่มาซักที เลยกลับมาที่เต้นท์
เราตื่นมาพอดีเลยออกไปจะรอต่อ แต่ลูกหาบมาพอดี 555555555 ว้ายยย พี่เจ

เนื่องจากทางตั้งแต่ขึ้นมาถึงข้างบนจนถึงจุดกางเต้นท์เป็นที่ราบ

ลูกหาบก็สามารถเอากระเป๋าเราใส่รถเข็นแล้วเข็นมาแทนการแบกได้

หลังจากได้กระเป๋า เราก็จัดเต้นท์ แยกของ ปูที่นอนให้เรียบร้อย
เออ ไม่ได้พูดถึงอากาศเลย ตอนกลางวันก็ตามสภาพอ่ะเนาะ มีแดดก็ร้อน
หลบแดดก็เย็นๆหน่อย แต่ตอนเช้าและกลางคืนเนี่ย ถึงขั้นพูดมีควันออกมานะเออ
ต่ำสุดที่เจอก็ 11 องศา แต่ยังไม่ต่ำเท่าที่อยากได้ ต้องการองศาเลขตัวเดียว
แต่เท่านี้ก็หนาวก็กระดูกกรอบ แตกเป๊าะ ๆ แล้ว

มีที่นอนแล้วคร่าาา

กระเป๋ามาถึงช้ามาก และเจ้าหน้าที่จะไม่ให้เข้าไปเดินพร่ำเพรื่อในป่าตอนมืด
วันนี้เราเลยไปได้แค่ที่เดียว คือผาที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
แต่ก่อนอื่น ต้องผ่านด่านหินที่สุดในการมีชีวิตอยู่ที่นี่ นั่นก็คือออออ
การอาบน้าม น้าม น้าม น้าม น้ามมมมมม แงง ร้องไห้
แม่งโคตรของโคตรหนาว มือสั่น ตะคริวกิน ปากชา หน้าตึง
แต่เหงื่อออกและตัวเหม็น เลยต้องอาบอ่าา ฮืออ

เสร็จแล้ว ประมาณ 17.00 น. เราเดินเท้าไปผาหมากดูก รอดูพระอาทิตย์ตกกัน
แต่ส่วนมากคนจะไปดูที่ผาหล่มสัก แต่ว่าเราเหนื่อยมาก ไม่อินกับความฮิตใด ๆ
ขอไปใกล้ ๆ ได้ดูก็พอ แค่ใกล้ ๆ นี่คนก็เยอะแล้ว แถมยังมีคนยืนไม่ยอมนั่งด้วย


 ภาพก็กากๆกันไป ไม่เอามู้ดใด ๆ ทั้งสิ้น 555555555


หลังจากพระอาทิตย์ตก ทุกอย่างก็มืดสนิท แบบมืดจริง
ไม่มีไฟข้างทาง ทุกคนต้องพกไฟฉาย เพื่อส่องทางเดิน สำคัญมาก
หรือถ้าไม่มีจริง ๆ เอาไฟมือถือออกมาส่องก็ได้ ไม่ก็เดินใกล้ๆคนอื่นไว้
เจ้าหน้าที่จะเน้นมากเรื่องที่อาจจะมีสัตว์ที่อาศัยอยู่ออกมาเดิน ตกใจเรา
อาจจะเกิดอันตรายได้ เพราะฉะนั้นต้องระวังมาก ๆ

18.00 น. เดินเท้ากลับที่พัก เข้าห้องน้ำ รอกินข้าวเย็น
อาหารที่นี่มีให้เลือกสรรมากมาย ตั้งแต่ตามสั่ง โจ๊ก หมูกระทะ หมูจุ่ม
ของกินเล่น ปาท่องโก๋ ซาลาเปา กาแฟโบราณ โกโก้ โอวัลติน

มีป้ายบอกทางอยู่ว่าให้เดินไปทางไหน


วันนี้เราเหนื่อยมาก เลยหน้ามืดกินหมูกระทะเลยจ้าาา 555555

ราคาก็มีราคาเดียว คือชุดละ 500 บาทถ้วน มีหมูกับผัก
แต่ไม่ต้องกลัวจะไม่คุ้มนะ แม่งมีเยอะมาก เยอะแบบขอโทษที่สั่ง

#คนหิว2016

#คนหิว2016

ซึ่งเรามีเรื่องจะเล่า เกี่ยวกับร้านอาหารที่เลือก
พอดีว่าพี่เจไปดูรีวิวร้านอาหารบนภูกระดึง แล้วมีร้านนึงที่คนแนะนำ
คือร้านป้าศรีนวล บอกว่าตามสั่งอร่อยมาก แต่ตอนเรามาเจอ
ร้านป้าศรีนวลคนน้อยสุดเลย เรียกว่าไม่มีอ่ะ แต่เราก็ตัดสินใจกินที่ร้านป้า
เพราะคิดว่าร้านอื่น ๆ คงเหมือนกันนั่นแหละ ร้านอื่นคนเยอะด้วย
พอได้นั่ง เลยเข้าไปดูรีวิวที่แคปมา โถ่พ่อคุณ ของปี 2556 เยี่ยมเลย
แต่ป้าแกน่ารักนะ ตอนกินใกล้ ๆ จะเสร็จ มีการแถมมาม่าให้ 1 ห่อด้วย

หลังจากกินเสร็จก็กลับเต้นท์ ไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมตัวนอน
ข้างบนภูกระดึงจะไม่มีไฟให้ใช้ตามเต้นท์นะ ต้องพกไฟอะไรก็ได้ไปเปิดในเต้นท์เอง
ส่วนจะชาร์จโทรศัพท์ยังไง ก็มีบริการอยู่ที่จุดบริการนักท่องเที่ยว
โดยมีค่าใช้จ่ายคือ ชาร์จโทรศัพท์รอบละ 20 บาท แบตกล้อง 20 บาท พาวเวอร์แบงค์ 40 บาท

แต่ที่ร้านอาหารก็มีบริการเหมือนกัน ถ้าเราไปกินข้าวร้านเค้า ก็จะให้ชาร์จฟรี

เฉพาะส่วนที่อยู่ใกล้ๆบริเวณที่พักนะ ถ้าเป็นตามผาตามซำจะไฟอ่อนเกิน ให้ชาร์จไม่ได้

22.00 น. สัญญาณโทรศัพท์ข้างบนจะตัดทั้งหมด แปลว่าควรนอน
นอนก่อน คร่อก เหนื่อยมาก หนาวมาก

--------------------------------------------

ไปต่อวันที่ 2 โพสต์หน้าเด้อ

ไปภูกระดึ่งดึงดึ้ง Part 2

Comments

Popular posts from this blog

KIX04 Kansai เดินทางยังไงอ่า

LHONG 1919 (ล้ง 1919)

KIX03 How to get discount for USJ ticket