ภูเก๋า สุดเหง็ด (PHUKET 2020)
ปีที่แล้วเราเดินทางมาภูเก็ตหน้ามรสุม ถามว่าปีนี้เราทำเหมือนเดิมไหม ขอตอบเลยว่าใช่ค่ะ 555555555
แต่จริง ๆ เป้าหมายในการมาครั้งนี้ก็เพื่อ สลัดปลา 3 อย่างที่ Three Monkeys Restaurant
ที่อื่นมีให้กินมั้ยไม่รู้ เราจะมากินที่ภูเก็ต 55555555555555555 แถมเราต้องมาเก็บทริปดำน้ำด้วย
ตอนแรกเลยตั้งใจว่าจะทำนั่นทำนี่ให้น้อยที่สุด สุดท้ายกิจกรรมล้นมือไปเลยจ้า
นอกจากนั้น นี่ยังเป็นช่วงหลังวิกฤตโควิดและพิษเศรษฐกิจ ทำให้ภูเก็ตเงียบเหงาลงไปมาก ๆ
ร้านอาหาร ร้านค้าเล็ก ๆ ปิดตัวกันไปหมด แถมเราเองก็โดนโรงแรมเท TT^TT
มา ไปเที่ยวภูเก็ตที่มีแต่นักท่องเที่ยวชาวไทยกัน!
(พระอาทิตย์ตกที่หาดป่าตอง)
รอบนี้เรานอกใจแอร์เอเชียเดินทางด้วยสายการบินเวียตเจ็ทแอร์แทน
เพราะมีโปรราคาถูกที่สุดท้ายสิริรวมอยู่ที่คนละ 1,120 บาท เป็นเที่ยวบินไป-กลับ
แต่วันใกล้ ๆ บินก็มาเลื่อนไฟล์ทขากลับของดิฉัน
อ่ะ เข้าใจ เกิดขึ้นกันได้ทุกสายล่ะแบบนี้

โดนเลื่อนขากลับจาก 4 ทุ่มเป็น 5 ทุ่ม หาวตาแฉะกันเลยทีเดียวว
เอาล่ะ มาออกเดินทางกันดีกว่า รอบนี้เนื่องจากเปลี่ยนสายการบิน เราเลยต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ระยะทางจะค่อนข้างไกลกว่าดอนเมืองในความรู้สึกของเราเอง 5555555 และวันนี้ทางด่วนก็ขึ้นฟรีด้วย
เพราะเป็นช่วงวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ที่รัฐบาลติดไว้อีก 2 วัน ก็เลยส่งเสริมให้คนออกจากบ้านไปเที่ยว
ไป ไป! เอาเงินที่ไหนมาเที่ยวก่อน ฮือออออ 





ระหว่างทางออกมาสนามบินก็คือฝนตกต้อนรับวันเที่ยวเลยจ้า
เราต้องเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์ เพราะระบบเช็คอินออนไลน์ไม่แน่ใจว่าของไทยมีแล้วหรือยัง
แต่เราไปอ่านในเว็ปไซต์ เขาบอกมีแต่เวียตนาม เราก็เลย เช็คหน้าเคาน์เตอร์นี่แหละ ชัวร์สุด
มาถึงตั้งแต่เคาน์เตอร์ยังไม่เปิด เลยไปหาอะไรรับทานเป็นอาหารเช้าก่อน
สนามบินสุวรรณภูมินี่ที่กินเยอะและหลากหลายมาก คราวก่อนเราเคยมากินของร้าน Kin ชั้นล่างสุด
ที่อยู่หน้าเซเว่น แถว ๆ ทางเชื่อมไป Airport Link ก็ดูเป็นทางเลือกที่ดี แล้วก็มีข้าวราดแกงกับก๋วยเตี๋ยวด้วย
กินอิ่ม ก็พร้อมไปรับตั๋ว ออกเดินทางกัน
เราไม่ได้เลือกที่นั่งมา เพราะมันเสียเงินเลยไม่สนใจ
พอมาถึงที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ก็ถามเรื่องที่นั่ง บอกว่าที่ไม่ได้เลือกมาอาจจะต้องนั่งแยกกัน
แต่ถ้าจะนั่งติดกันจะมีที่นั่งตรงประตูทางออกฉุกเฉิน สะดวกไหม ในใจคือมันยังไงเหรอ มันทำไมนะ
ก็เลยถามไปว่า มันต้องมีอะไรพิเศษมั้ยคะ เขาก็บอกว่า ก็ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ต้องช่วยลูกเรือเปิดประตู
ในใจคือกรี๊ดแล้ว แต่เรื่องจริงคือภาวนาให้ไม่มีอะไรนั่นแหละ เลยยอมนั่งไป
เช็คเกทซะหน่อย
เดินทอดน่องไปมาก็ใกล้จะถึงเวลาบิน แต่พอมานั่งรอในเกทก็ต้องพบกับประกาศจากสายการบิน
ว่าเที่ยวบินจะล่าช้าเนื่องจากเที่ยวบินขาเข้ายังไม่มาเด้อออ เลื่อนเวลาออกไปอีก 1 ชั่วโมง นั่งรอกันไปจ้า
พอถึงเวลาจริง เราก็ทยอยขึ้นเครื่องกัน มาถึงที่นั่งของตัวเอง อิฉันก็ตกกะใจเล็กน้อยเพราะว่า มันไม่มีที่นั่งข้างหน้า
และต้องนั่งเผชิญหน้ากับคุณแอร์อยู่พักหนึ่งด้วย แต่เวลาส่วนใหญ่ของเราก็คือหลับ งงว่าจะไปช่วยเขาเปิดประตูได้ไง แง้
ท้องฟ้าระหว่างทางก็คือสวยย เจ้าก้อนเมฆน่ารัก หยุบหยับบ
ตอนที่มาถึงน่านฟ้าของภูเก็ตก็คุยกันว่า เนี่ยท้องฟ้าแจ่มใสมากเลย สงสัยไม่มีฝนหรอกม้างง
เพราะดูพยากรณ์อากาศมาก็คือไม่รอดซักวัน แถมเปอร์เซ็นต์ในการตกก็เกิน 50% ทุกวันด้วย คิดว่ายังไงก็โดน
พอเริ่มลงพื้นก็มาเลยจ้า เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใดดดดดด อังกอร์ไม่ต้องมา พี่มาเอง
เวลาที่มาถึงสนามบินภูเก็ตไม่ช้าเท่าที่คิดไว้เท่าไหร่ เพราะขาออกมันดีเลย์ตั้ง 1 ชั่วโมง เลยคิดว่าจะมาถึงช้ากว่านี้
ลงจากเครื่อง เข้าสนามบิน ออกจากโหมดเครื่องบินก็พบว่า ร้านเช่ารถโทรมาจิกดิฉันตั้ง 3 สาย
ทั้ง ๆ ที่บอกไปก่อนขึ้นเครื่องแล้วว่าจะมาถึงช้า แต่ไม่เป็นไรเราไปรับรถกันดีกว่า
เราจองรถจาก 999carrent จองผ่านไลน์ ง่ายและสะดวกมาก ทางร้านจะมีรุ่นรถให้เราเลือก พร้อมแจ้งราคา
เราก็เลือกตามที่ต้องการ บอกวันเวลาที่จะรับและคืนรถ แล้วก็เป็นอันเสร็จ ไม่ต้องเตรียมสำเนาเอกสารอะไร
โทรคุยกับคนที่เอารถมาส่ง พบว่าฝนก็ยังตกหนักเกินไป เลยอาจจะต้องรีบวิ่งขึ้นรถไปก่อน
แล้วเคลื่อนตัวไปทำสัญญาตรงจุดอื่น ที่รถไม่พลุกพล่าน เพราะมีต้องแสดงใบขับขี่และบัตรประชาชนให้ดูเล็กน้อย
จดรายละเอียดเสร็จก็โอนเงิน เราจองในราคาวันละ 700 บาท เป็น Yaris Ativ
ก่อนจะแยกจากกันกับคนส่งรถ เขาบอกว่า ขอขับกลับไปที่ออฟฟิศที่ไม่ไกลจากสนามบินมาก แล้วแยกกันตรงนั้น
พอขับออกมา ฝนก็ตกๆ หยุด ๆ แบบตกไม่ทั่วฟ้า เลยออกมาจากสนามบินนิดหน่อยฝนก็หยุดตกซะงั้น
ก็เลยลงไปตรวจสอบรอยรอบรถต่อก่อน จากที่ทำเอกสารไปแล้ว เช็คเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเลยจ้า
เราแปะร้านอาหารไว้ร้านนึง เป็นร้านบะหมี่ทำเอง กะเริ่มต้นมื้อแรกแบบซอฟต์ ๆ ราคาเบา ๆ
แต่พอมาถึงหน้าร้านก็พบกับป้าย "ปิด 1 วัน" แหม่ เริ่มต้นทริปก็เอาเลยนะครับบบบบบบ
ก็เลยตามหาร้านใหม่ ผ่านอันไหนก็เลือก ๆ แล้วกัน แล้วมาเจอกับร้านที่มีป้ายหน้าร้านเป็นเล้ง เลยโดนตก
(1) ร้านก๋วยเตี๋ยวภูเก็จ
LOCATION: https://goo.gl/maps/fboQuxZRAua4pBhk7
หิวมากตอนนั้น อะไรก็ได้เลย ยิ่งมาเจอของกินที่ชอบแล้ว แวะไวมาก 555555555
อร่อยราคาประหยัด ถือว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่นิดนึงงงงง
เห็นคำว่าเล้งแต่ไกล รีบพุ่งเข้ามาเลย
แน่นอน โดนเล้งตกก็ต้องสั่งเล้งงงงง 





รับทานกันจนอิ่มหนำแล้วก็ออกเดินทางต่อ ยังต้องเดินทางไปอีกสักพักกว่าจะถึงโซนที่พักที่จองไว้
ความตั้งใจแรกของวันนี้คือ กินข้าวเที่ยง ไปคาเฟ่ นั่งเล่นที่ชายหาด เข้าที่พักไปอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวออกไปกินข้าวเย็น
กินข้าวเที่ยงผ่านไปแล้ว เราก็ไปแผนต่อไปกัน เวลากำลังดีเลย
เริ่มเห็นทะเลแล้ววว กรี๊ดดดดด 



ช่วงที่เข้ามาแถบด้านหน้าหาด ก็เริ่มมองเห็นห้างร้าน โรงแรม คาเฟ่ปิดตัวจำนวนมาก รวมถึงคาเฟ่ที่เราเล็งไว้ด้วย
ไม่แน่ใจว่าปิดเฉพาะวันนั้น หรือปิดทำการไปเลย เพราะมันก็วันศุกร์ ถึงจะเป็นวันหยุด ก็ไม่แน่ใจว่าร้านจะเปิดไหม
เราก็เลยขับเลียบกับทะเลไป เพื่อส่องชายหาดไปเรื่อย ๆ แต่ดันมาถึงตอนที่ยังร้อนอยู่ เลยแวะลงเดินเล่นเล็กน้อย
ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าภูเก็ตเงียบมากจริง ๆ ร้านค้าเล็ก ๆ ร้านอาหารตามอาคารคือปิดหมดเลย ทั้ง ๆ ที่นี่คือวันหยุด
แถมนักท่องเที่ยวก็ไม่มีเลย หรืออาจจะมีแต่ค่อนข้างน้อย เพราะจริง ๆ ภูเก็ตก็คือรอนักท่องเที่ยวต่างชาติแหละ
(2) หาดกะรน
LOCATION: https://goo.gl/maps/gw3kHT4ouNpuqB6h7
แดดร้อนมากเด้อออ น่าจะประมาณบ่าย 2 เท่านั้น มีคนมานั่งเล่นอยู่ที่ชายหาดแบบนับคนได้ แต่ก็ยังมีคนเล่นพาราเซลอยู่
เป็นคุณฝรั่งที่น่าจะอยู่ที่นี่แหละ
เดินเล่นไปพักนึงก็ตัดสินใจไปเช็คอินที่โรงแรมกัน เพื่อจะได้อาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวไปร้านอาหารเย็นกัน
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับพวกเรา จริง ๆ ตอนที่เห็นร้านอาหารโรงแรมปิดตัวไป ก็แอบคิดว่า
เราจะโดนเหมือนกันหรือเปล่า แต่คงไม่หรอก เพราะเมื่อเช้า booking.com ยังส่งโนติมาบอกว่า Enjoy your stay อยู่เลย
พอมาถึงหน้าโรงแรมจริง ๆ ก็...โดน! เท! โดยเหตุการณ์คือ
เรา: ลงไปผลักประตู เอ้าเปิดไม่ได้ ทำไมมมมม
คนข้างใน: นั่งแอบอยู่ ลุกขึ้นมา เปิดประตูออกมา
เรา: "ไม่รับเช็คอินเหรอคะ"
คนนั้น: มองมาเฉย ๆ หน้าตางง ๆ (เขาเป็นชาวเมียนมาร์)
เรา: เปิดยืนยันการจองในบุคกิ้งให้ดูรูปโรงแรม
คนนั้น: "อ๋อ ใช่ ใช่ ๆๆ ที่นี่" แล้วมองหน้าเรา
เรา: มองหน้ากลับ เพราะงง ในใจกล้า ๆ กลัว ๆ ถามไป "อันนี้คือปิดเหรอคะ"
คนนั้น: "ใช่ค่ะ"
เรา: "เชี่ยไรเนี้ยยยยยยยยย" ขออภัยที่หยาบคาย เพราะตกใจขั้นสุด
ตอนนั้นโมโหมาก แบบถ้าจะปิดอ่ะ เข้าใจนะ แต่แจ้งบุคกิ้งสิ หรือแจ้งเราก็ได้อ่ะ ต้องได้รับการจองสิ
แล้วคือจองแบบจ่ายเงินเลย พอถามทางนั้นว่าทำไงได้บ้าง ก็บอกให้โทรไปที่เบอร์ที่แปะไว้
ไม่มีคนรับเลย โทรไปกี่รอบก็ไม่รับ เสียความรู้สึกว่ะ พีคในพีค
จากนั้น เราก็กลับขึ้นรถมาตั้งสติกัน เรียกว่าไปต่อแทบไม่ถูก แต่ตรงนั้นอยู่ใกล้ ibis พอดี
ก็เลยโทรไปถามราคาแบบจองผ่านเว็บกับวอล์คอิน แล้วก็เช็คราคาของ booking.com. ด้วย
สรุปของบุคกิ้งถูกสุด แล้วจะได้กดเอาเงินคืนจากแอพ Shopback ได้ด้วย เลยกดจองแล้วเข้าไปเช็คอิน
(3) ibis Phuket Kata
LOCATION: https://goo.gl/maps/FXCzjf5CzfJHiGCr9
สงสัยรีบเข้ามาเช็คอินเกินไปหน่อย เลยทำให้ราคาในบุคกิ้งยังไม่เข้ามาในระบบจอง ต้องรอซักพักถึงได้จะได้
เราก็ทำการเช็คอิน แล้วก็จ่ายเงินค่ามัดจำคีย์การ์ด ได้มาแล้วก็ขึ้นไปบนห้อง
ตอนแรกพยายามเสียบคีย์การ์ดประตูอยู่หลายครั้ง มันไม่ได้อ่ะแง พอทีเถอะความยากลำบาก T^T
ดีที่มีแม่บ้านอยู่แถวนั้น บอกว่าต้องค่อย ๆ เสียบ กว่าจะได้คือต้องละมุนละไมมากแม่
เข้ามาก็คือ วางของแบบเหนื่อยใจ เรี่ยราดสุด 555555555 และต้องรีบติดต่อกับบุคกิ้ง
คือพยายามเสิชเบอร์ แต่ก็ไม่เจอเลย เจอแต่เบอร์ที่ต้องโทรไปต่างประเทศ ก็เลยเข้าไปในการจองของฉัน
กดเข้าไปลึกมากถึงจะเจอว่ามีไลฟ์แชทที่สามารถคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ เลยเริ่มคุย บอกไปว่าโรงแรมที่ฉันจองมันปิดไปแล้ว
ทางบุคกิ้งบอกจะรีบติดต่อโรงแรมแล้วมาฟีดแบค ขอเวลา 30 นาทีนะ เราก็ไม่อยากรอแล้วเลยลงไปเล่นน้ำก่อน
ไม่มีคนแบบสระส่วนตัว
ระหว่างที่เล่นน้ำเราก็มีเช็คบ้าง แต่ยังไม่มีอะไรตอบกลับมา พอขึ้นมาจากเล่นน้ำ เลยมาเช็คอีกที พบว่ามีอีเมลส่งมาแล้ว
แต่ในนั้นมีเบอร์สำหรับติดต่อบุคกิ้งไทยด้วย เราก็เลยรีบโทรไปหาก่อนเลย ยังไม่ทันได้อ่านเมล
พอได้คุย ทางนั้นก็บอกว่า มีเสนอโรงแรมใหม่เข้าไปให้ แต่เราไม่เอาเพราะจองที่ใหม่แล้ว
พอถามเรื่องคืนเงิน ทางบุคกิ้งก็แจ้งว่า จะดำเนินการให้ และจะได้คืนภายใน 7 วัน ค่อยโล่งออกไป
เผื่อมีใครอยากโทรไปคุยกับทางบุคกิ้งไทย ไม่แน่ใจว่าเบอร์มันหายากหรือเราหาไม่เจอเอง
เราจะแปะเบอร์ไว้ด้วย 02 787 3015 จริง ๆ ตอนแรกมีสายนึงจากบุคกิ้งโทรเข้ามาก่อน
แต่เรารับแล้วมันคุยไม่ได้ พอโทรกลับไปก็ไม่ติด ก่อนจะเจอเบอร์ในเมล
ห้องพักที่เราจองเป็นแบบธรรมดา เตียงควีนไซส์ มีระเบียงเห็นวิวสระว่ายน้ำ มีทีวีให้ดูช่องฟรีทีวีได้
มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็นพร้อมน้ำ 2 ขวด แล้วก็ตู้เซฟเอาไว้เก็บของมีค่าได้
มีมินิบาร์ ชา กาแฟ น้ำตาล คอฟฟี่เมท กาน้ำร้อน และแก้วมัคให้ชงชากาแฟได้
และเนื่องจากช่วงนี้ทางโรงแรมก็มีมาตรการเรื่องโควิดเช่นกัน
เลยจำกัดการทำความสะอาดเฉพาะห้องที่แขวนป้ายว่าต้องการทำความสะอาดเท่านั้น
ห้องน้ำ ค่อนข้างเล็ก แบ่งโซนแห้งและเปียก มีไดร์เป่าผมด้านในห้องน้ำเลย สะดวกมาก
ตรงที่เป็นช่องอาบน้ำฝักบัว จะเป็นทรงสามเหลี่ยม ค่อนข้างแคบ อย่ากางแขนขามากเวลาอาบ 55555
มีผ้าขนหนูให้เฉพาะผืนใหญ่ มีหมวกอาบน้ำ แล้วก็สบู่ นอกนั้นต้องเตรียมมาเองนะจ๊ะ
ตอนที่ไปว่ายน้ำ ทางเคาน์เตอร์ด้านล่างก็มีผ้าขนหนูให้ยืมได้ สามารถยืมไปเล่นน้ำสระหรือน้ำทะเลก็ได้ แค่แจ้งเลขห้องไว้
พอใช้เสร็จก็เอามาคืนที่ตะกร้าที่เตรียมไว้ให้ เราก็ลงชื่อทำการยืมเพื่อเป็นการตรวจสอบได้
จบเรื่องห้องพักเราก็หิวโหยกันแล้ว รีบอาบน้ำออกไปหาข้าวเย็นรับทานกันดีกว่า
(4) Siam Beach Restaurant
LOCATION: https://goo.gl/maps/2hQounrvmtSp6QP77
เราดูรีวิวมา ว่าร้านนี้ดูพระอาทิตย์ตกสวยย แล้วก็ถ้ามามื้อกลางวันจะมีชุดปิคนิคให้ลงไปทานที่โขดหินด้านล่างด้วย
พอมาถึงคือไม่มีคนเลย มีแค่โต๊ะที่ทานอยู่ก่อนเรา 1 โต๊ะ พอเขากลับไปก็เหลือเราแค่โต๊ะเดียว
เรามาตอนช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกแล้ว ทางเข้าอยู่ติดกับจุดชมวิวกะรน ขับลงมา 1.8 กิโลเมตร ก็จะเจอ
เป็นร้านที่อยู่ในสุดของเส้นทางนี้เลย ทางค่อนข้างคดเคี้ยวหน่อย ขับระวังกันด้วยนาจา
มาถึงหน้าร้านก็จะมีโต๊ะวางเจลแอลกอฮอลไว้ให้ ต้องเดินลงไปด้านล่างเพื่อเข้าร้าน
มาถึงหน้าร้านก็จะมีโต๊ะวางเจลแอลกอฮอลไว้ให้ ต้องเดินลงไปด้านล่างเพื่อเข้าร้าน
ล้างมือกันด้วยนาา 

เดินเข้ามาก็จะผ่านโซนที่อยู่ด้านบนก่อน
ลงมาก็จะเจอบรรยากาศร้านบริเวณด้านนอก ที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกได้
ฝั่งที่เห็นดวงอาทิตย์โดนต้นมะพร้าวบังเยอะเลยย
เราสั่งมา 3 อย่างพร้อมข้าวเปล่า ก็คือเยอะมากกก ทานไม่หมดเด้ออออ
ยำวุ้นเส้นรวมทะเลที่สุดท้ายต้องห่อกลับ ผัดเปรี้ยวหวานไก่ และต้มยำทะเล
นอกจากเมนูอาหารแล้วก็มีคอกเทลให้เลือกมากมาย ทางร้านค่อนข้างแนะนำเพราะเป็นสูตรที่อร่อย
เราสั่งกันมาคนละอย่าง คือ Pink Lady กับ Passion mojito แต่ทางร้านผสม Pink lady มาให้เราผิด
ตอนแรกเราก็ไม่ทราบ ดื่ม ๆ ไป แต่อีกพักนึงเขาก็เอามาเสิร์ฟใหม่ บอกว่าที่ให้ไปชงผิด ก็เลยได้ฟรีแก้วนึง
(อันซ้ายสุดคือแบบที่ผิด ขวาสุดคือถูกต้องแล้ว รสชาติจะละมุนกว่าแบบซ้าย) และรสชาติก็ดีจริง ๆ
ทำห้องน้ำน่ารักดี
พอไม่ค่อยมีลูกค้า เราก็มีโอกาสได้คุยกับพี่ที่มาเสิร์ฟ แกบอกว่าจะเปิดเดือนนี้เดือนสุดท้ายแล้ว
เดือนหน้าทางร้านจะปิดเพื่อดูสถานการณ์ก่อน เราเลยถามว่ามีลูกค้าประมาณไหนช่วงนี้
แกบอกวันละ 3-4 โต๊ะเอง ในใจจะร้องไห้แล้ว ตอนดูรีวิวมาก็คือคนเต็ม ตู้ม ๆๆ มาก
ทานเสร็จก็เราก็เดินทางกลับที่พักกัน ระหว่างทางก็คือไม่คึกคักเหมือนปีที่แล้วเลย
แสงไฟเอย ร้านรวงเอย มันต้องแสบตาตลอดทางอ่ะ อันนี้เหมือนไฟดับ
ขอให้สถานการณ์ของภูเก็ตดีขึ้นในเร็ววันนน 





✶ DAY 2 : 5 SEP 2020 ✶


ตื่นเช้ามารีบเตรียมตัว วันนี้แผนของเราคือทริปดำน้ำ 3 เกาะ ที่อาจจะต้องสู้กับฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง
เราจองทริปกับ Love sea tour ก็เสิช ๆ ไปเรื่อยตามอินเตอร์เน็ตอ่ะเนาะ เปิดมาก็ ทัวร์ภูเก็ต ฯลฯ
แล้วก็เลือกได้ตามที่ชอบเลย จะทริปเต็มวัน ทริปครึ่งวัน ทริปพระอาทิตย์ตกดิน สปีดโบท เรือยอชท์ อะไรก็ว่าไป
ตื่นมาดูท้องฟ้ายามเช้าซักหน่อย ยังไม่สว่างเลย
บรรยากาศที่เงียบสงบ
แต่ก่อนที่จะออกไปเที่ยว เราก็ต้องมาใช้บริการอาหารเช้าของโรงแรมซะก่อน
อย่างที่บอกว่านี่คือช่วงหลังโควิด โรงแรมก็จะไม่จัดเป็นบุฟเฟต์ให้เราเดินตักทานเอง
แต่ทำเป็นรายการอาหารให้เราเลือก แล้วพนักงานก็จะนำมาเสิร์ฟให้ นอกจากช่วยลดการสัมผัสแล้ว
ยังช่วยโรงแรมในแง่ปริมาณการเตรียมอาหารด้วย เพราะคนที่เข้าพักช่วงนี้ก็ต้องน้อยอ่ะ
ถ้าให้เตรียมบุฟเฟต์ก็เปลืองแย่ แบบนี้ก็สะดวกดี รอไม่นาน แล้วก็ได้อาหารครบถ้วนตามที่ต้องการ
เข้ามาก็ต้องแจ้งพนักงานว่ามาจากห้องไหน ระยะโต๊ะที่จัดไว้ก็ค่อนข้างห่างกัน
ที่โต๊ะเองก็ต้องนั่งตามสติกเกอร์ที่ติดไว้ด้วย
เราสั่งทุกอย่าง ทั้งขนมปัง ซีเรียล ผลไม้ น้ำส้ม
และก็ชุดอาหารเช้า ให้เลือกไข่และเครื่องเคียงต่าง ๆ ไส้กรอก แฮมไก่ มันฝรั่ง
รับทานข้าวเช้าเสร็จเราก็ขึ้นไปเตรียมตัว เก็บของพร้อมออกไปทริป รอรถตู้มารับที่หน้าโรงแรม
แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอยืมผ้าขนหนูจากทางโรงแรมไปด้วย เย้ 

รูปของวันนี้ส่วนใหญ่แคปมาจากคลิปโกโปร อาจจะดูไม่ค่อยชัดหน่อย ๆ 555555555
รถตู้ที่ไปรับก็จะมาส่งเราตรงจุดนัดพบ Raya Princess Tour
เพื่อลงทะเบียน แล้วก็จ่ายเงินเพิ่มถ้าตอนแรกจ่ายแค่เงินมัดจำ
ทริปที่เราเลือกเป็นทัวร์ 3 เกาะราคา 1,100 บาทต่อคน ซึ่งเราจ่ายไปแล้วครึ่งนึงก็เหลืออีกครึ่งนึง
จากนั้นก็แบ่งกลุ่มเป็นสีต่าง ๆ เพื่อขึ้นเรือคนละลำ รอฟังเจ้าหน้าที่เรียกตามสีที่ได้
ไปขึ้นเรือกันจ้าา 

ก่อนขึ้นเรือก็ต้องถอดรองเท้ามาล้างทรายก่อน
ก่อนเริ่มออกเดินทาง เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งตารางเวลาคร่าว ๆ ว่าวันนี้เราจะไปทำอะไรบ้าง
พร้อมกับแจ้งเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย ถ้าเกิดฝนตกหนักมาก อาจจะมีการยกเลิกบางเกาะ
(1) เกาะราชาใหญ่
ชาวท้องถิ่นเรียก เกาะรายา
LOCATION: https://goo.gl/maps/xFVprPNekTQYBtgU7
เกาะแรกของทริปวันนี้ เรามาแวะเกาะราชาใหญ่ สามารถเล่นน้ำหน้าหาดได้ หรือหาที่นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย
จะขึ้นไปถ่ายรูปตรงโขดหินด้านบนก็ได้
นักท่องเที่ยวก็ลงไปเล่นน้ำกัน คลื่นฝั่งนี้จะไม่แรงมาก เล่นน้ำได้ไม่อันตราย แต่ต้องคอยสังเกตสัญญาณด้วยนะ
ไกด์บนเรือบอกว่า ถ้าเดินไปตามทางถึงอีกฝั่ง จะเจอกับอ่าวปะตก ที่เป็นโค้งหาดสวย ๆ
สามารถนั่งเล่นหรือถ่ายรูปได้ แต่ไม่ให้ลงเล่นน้ำ เพราะคลื่นซัดแรง ค่อนข้างอันตราย
เราก็เลยออกเดิน ใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที
ระหว่างทางก็พบซากนั่นนี่
เป็นทางเดินที่มีแอ่งน้ำฝนขัง ก็เดินไปตามทางเรื่อย ๆ
ผ่านตรงที่เป็นบึง
ทางเดินที่เป็นแอ่งน้ำฝน ทำให้บางจุดกลายเป็นโคลน ตอนเดินต้องระวังหน่อยนะ อย่าลงไปเดินในแอ่ง
ไม่งั้นรองเท้าจะเน่าเหมือนเรา ใส่สีขาวด้วย ซ่าเดินแฉลบตรงข้าง ๆ แอ่ง ยังดีที่เอาน้ำฉีดออกได้
ตอนแรกพี่ไกด์แกก็บอกแล้วแหละว่าด้านใน ร้านค้าอาจจะปิดไปแล้ว
แต่ไม่คิดว่ามันจะหลอนขนาดนี้ หลังคาพังนี่น่ากลัวอยู่นะ
ร้านอาหารที่เคยเปิดก็คือร้างหมดเลย เหลือแต่ร้านของชาวบ้านนิดหน่อยเอง
แถมยังมีตั่วเฮียอยู่เต็มเกาะเลย เดินไปตรงไหนก็เจอ ระวังกันด้วยนะ เดี๋ยวโดนพุ่งเข้าใส่
ผ่านตรงร้านค้ามาก็จะเจอโรงแรมบนเกาะ ที่ไม่แน่ใจว่ายังเปิดอยู่ไหม
แต่เห็นมีพนักงานขับรถกอล์ฟอยู่ด้านใน อาจจะยังมีคนมาพักอยู่
(2) อ่าวปะตก เกาะราชาใหญ่
LOCATION: https://goo.gl/maps/YME5hnvtFY1r2arSA
เดินมาจนเจอป้าย เลี้ยวซ้ายไปตามทางก็จะเห็นอ่าวแล้ว ตอนนี้ฝนลงเม็ด แต่แดดก็ออกดีมาก
แต่เมฆก็ครึ้มตามฝน แค่แดดมันแรงจนไม่มืดเท่านั้นเอง 







Public toilet ที่ตั้งใจว่าจะเข้า ก็ยังปิดไปแล้ว
พี่ไกด์บอกว่าฝั่งนี้ถ่ายรูปสวย เราก็เชื่อ ถ่ายใหญ่เลย
แต่เราว่าที่สวยไม่ใช่เพราะอ่าวปะตกหรอก เป็นเพราะเราต่างหาก เย้ 

เราลงไปในน้ำเล็กน้อย เพื่อให้ได้รูปที่เหมือนเล่นน้ำทะเล เลยรู้แล้วว่าทำไมพี่แกบอกไม่ให้เล่นน้ำ
เพราะอย่างแรกเลย คลื่นแรงมาก และคลื่นที่ซัดมาก็พาก้อนหินเล็กใหญ่มาด้วย ซัดเข้ากับขาคือเจ็บเด้อ
แต่เราก็ยังเห็นคนลงไปเล่นนะ ทำไมคุณถึงลงไปคะะะ?? 

กลุ่มที่มากับเรามีแก๊งเพื่อนสาวที่พากันมาถ่ายรูปน่ารักมากเลย 



พากันจัดท่าจัดมุม ทุกคนต้องได้รูปเดี่ยว เพื่อนก็กำกับให้ทำท่านั้นท่านี้ ดีอ่ะ ช่วยกันเพิ่มความมั่นใจให้กัน
พี่ไกด์นัดเวลาไว้สำหรับใครที่จะไปดำน้ำ ก็ให้ขึ้นเรือ ส่วนคนที่ไม่ดำก็ให้รออยู่ที่เกาะราชาก่อน
แล้วพอดำน้ำเสร็จก็ค่อยวนกลับมารับทีหลัง เพราะไปดำที่อีกมุมนึงของเกาะราชาใหญ่เท่านั้น ไม่ไกล
ก่อนขึ้นเรือเจ้าหน้าที่ก็จะล้างทรายให้ด้วย
(3) ดำน้ำจุดที่ 1 เกาะราชาใหญ่
DIVING POINT: https://goo.gl/maps/MbZMLfD9h1wx4vNb9
เรามีเวลาดำน้ำทั้งหมดประมาณ 45 นาที ที่พอลงไปแค่แปปเดียวก็เหนื่อยแล้ว 5555555
เพราะช่วงนี้คลื่นค่อนข้างแรง จะซัดเราเข้าฝั่งอย่างเดียวเลย แต่พี่ไกด์บอกว่าไม่ให้ไปตรงหิน (ฝั่งที่น้ำซัดไป)
อยากตะโกนบอกเขาว่ามันว่ายออกมายากเด้ออ 55555555 แต่ก็พยายามไม่ให้ไปใกล้จนเกินไป
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนไม่เชื่อฟังอ่ะแหละ มุ่งตรงไปที่หินเลย จริง ๆ เราว่าก็ควรฟังไกด์นะ เพราะมันก็เกี่ยวกับความปลอดภัยด้วย
ก่อนลงน้ำก็มารับอุปกรณ์ดำน้ำกัน ใครไม่มั่นใจเรื่องความสะอาด
เตรียมอุปกรณ์ล้างเพิ่มเติมสำหรับตัวเองมาด้วยก็ดีนะ
พร้อมลงแล้วจ้าา 

จุดนี้จะเห็นฝูงปลาเยอะเลยแหละ ใกล้ชิดด้วย มาว่ายรอบตัวเลย
การมาทัวร์แบบนี้ ไกด์จะแนะนำให้ใส่ชูชีพทุกคน ถึงแม้ว่าจะว่ายน้ำเป็น
เพราะว่าจำนวนคนบนเรือค่อนข้างเยอะ การดูแลก็อาจจะไม่ทั่วถึง จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์กู้ชีพพื้นฐานติดไว้
อย่างพี่เจว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง ก็จะทุลักทุเลหน่อย
ไม่มีปะการังสี ๆ ให้ดูเลย
เห็นแต่ที่เป็นลักษณะประมาณนี้ กับคุณปลาเจ้าเก่า
ตอนจะว่ายกลับเรือคือหมดแรงเว่อ ดีที่มีพี่ไกด์มาช่วยลากไป ขอบคุณครับบ 


(4) บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันที่ Princess Restaurant
LOCATION: https://goo.gl/maps/ofJLPkjVFYNp5RHT9
ดำน้ำเสร็จ ไปรับลูกทัวร์ที่เหลือที่หาดเดิม แล้วก็ขึ้นเรือวนมาอีกจุดของเกาะราชาใหญ่ เพื่อทานอาหารกลางวัน
เป็นร้านอาหารปริ้นเซส เราก็จอดเรือไว้ แล้วก็ขึ้นไปทานอาหารด้านบนกัน
ทางร้านเตรียมบุฟเฟ่ต์ไว้ อาหารค่อนข้างชืดแล้ว ลักษณะการตักก็คือทัวร์ลงที่แท้อ่ะ ทุกคนมาตัก ๆๆๆ แล้วดิฉันตักไม่ทัน
อันนี้คือโทษตัวเอง 5555555 แต่ทางร้านก็รีบมาเติมให้ รู้สึกเพลียเลยกินได้ไม่เยอะมากเท่าไหร่
เข้ามาก็หาที่นั่งกันให้เรียบร้อย แล้วก็ผลัดกันไปตักอาหารมา
รายการอาหารก็จะมี ข้าวสวย ข้าวผัด ผัดผัก ผัดเปรี้ยวหวานไก่ ผักและไก่ชุบแป้งทอด
ต้มข่าไก่ที่จืดมาก 5555555 สลัด ผลไม้ ประมาณนี้ ถ้าตามสถานการณ์อาหารมันก็เลยไม่บู้มม! มั้ง
อีกอย่าง อาหารที่เตรียมก็น่าจะเป็นแบบกลาง ๆ มังสวิรัติ ฮาลาล แพ้อาหารทะเลใด ๆ
มีสะพานไม้ให้ถ่ายรูปเล่น แต่ถ่ายมุมกว้างมากไม่ได้นะ คนเยอะ 5555
พอหมดเวลาอาหารกลางวัน ก็ถึงเวลาไปดำน้ำจุดที่ 2 โดยคนที่ไม่ดำ ก็จะพาไปส่งไว้ที่เกาะเฮก่อน
ซึ่งจริง ๆ เป็นจุดหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้ ใครที่ไม่ดำน้ำ ถ้าให้รอบนเรือก็อาจจะไม่มีอะไรทำเกินไป
(5) ดำน้ำจุดที่ 2 เกาะไม้ท่อน
DIVING POINT: https://goo.gl/maps/pN1HRsJtpGgSXWam6
จุดที่ 2 จะเป็นบริเวณเกาะไม้ท่อน แต่จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเกาะ ให้ดำน้ำอยู่บริเวณใกล้ ๆ เท่านั้น
น้ำค่อนข้างขุ่น น่าจะเป็นเพราะฝน แถมระยะยังลึกมากด้วย มองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
หน้าตาปะการังต่างกับจุดก่อนหน้านี้
แต่ก็ยังไม่มีสีสันเหมือนเดิม
ส่วนฝูงปลาก็เป็นเจ้าเก่าเช่นกัน
เห็นหาดของเกาะไม้ท่อนอยู่ไม่ไกลมาก
(6) เกาะเฮ : Corals Island
LOCATION: https://goo.gl/maps/9t6ggtqyabEbpBzJ7
ใกล้จะจบทริปแล้ว เรามาล้างเนื้อล้างตัวกันที่เกาะเฮ เดินเล่นพักผ่อน นั่งพักนิดหน่อย ก่อนจะขึ้นเรือกลับ
มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้นักท่องเที่ยวใช้ฟรี เราก็เข้าไปล้างตัวเล็กน้อย พอให้ไม่เหนียวมาก
สามารถทำกิจกรรมเพิ่มเติมเองได้ เช่น พายเรือคายัคแบบใส หรือคายัคธรรมดา (เสียเงิน)
ถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
ถึงเวลาพี่ไกด์ก็เรียกขึ้นเรือ พร้อมเดินทางกลับกัน ตอนนี้ระยะทางไม่ไกลมากแล้ว
วันนี้โชคดีมากที่ยืมผ้าขนหนูมาจากที่โรงแรม เอาไปช่วยบังฝนและกันหนาวได้ดีมาก
ตอนแรกคิดกันว่าที่ทัวร์จะมีแจกมั้ย ถ้ามีก็ไม่เอา ใช้ของโรงแรมแล้วกัน ดีนะที่เอามา 

กลับมาถึงแล้วไม่สามารถเข้าไปจอดหน้าหาดได้
เพราะตอนนี้น้ำลงค่อนข้างเยอะ เลยต้องมาขึ้นที่สะพานแทน
เรือที่เกยตื้นเพราะน้ำลง
จบทริปวันนี้ด้วยการซื้อภาพถ่ายจากตากล้องตอนเดินขึ้นเรือ รูปละ 100 บาทพร้อมกรอบ



วันนี้เราตั้งใจจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านพักของเพื่อน บังเอิญมาภูเก็ตวันเดียวกันพอดี
แต่เพื่อนนอนพูลวิลล่า เพราะมากับครอบครัว ก็เลยนัดกันว่าจะไปจอยมื้อเย็น เผื่อซื้ออะไรเข้าไปทานด้วย
แต่แล้วก็ไม่มีร้านอาหารเปิดอ่ะ คือเรามองร้านพิซซ่าไว้ กะว่าถ้าร้านที่ตั้งใจไม่เปิด ก็จะไปร้านอื่น
กลายเป็นว่าไม่เปิดซักร้าน สุดท้ายเข้าแฟมิลี่มาร์ท ขนาดเส้นทางที่เข้าบ้านพักเพื่อนก็ยังวังเวงมาก
และวันนี้คือวันเกิดเรา ก็เลยแอ๊บจัดงานให้ตัวเอง เป่าเค้กกันไป 555555555
HAPPY 28TH BIRTHDAY 

✶ DAY 3 : 6 SEP 2020 ✶
เดินทางมาสู่วันสุดท้ายของการพักผ่อนสุดเอ็กซ์ตรีม วันนี้เราต้องเตรียมตัวออกไปเล่นซิปไลน์
ที่จองไว้แบบโปรลดราคาของ Hanuman World แน่นอน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราก็ไปทานอาหารเช้ากันก่อน
สั่งเหมือนเมื่อวาน แต่เปลี่ยนไข่เป็นไข่คน เมื่อวานไข่ม้วน
ฝนตกต้อนรับวันใหม่เลยจ้า
หลังจากรับทานอาหารเช้าเสร็จก็เตรียมตัวเช็คเอ้าท์และไปต่อกันจ้า ไปกันแบบฝนตกเปียก ๆ เนี่ยแหละ
(1) Hanuman World
LOCATION: https://goo.gl/maps/dcwv4YgZoT1dKgtg7
เราเดินทางจากที่พักมุ่งหน้ามาที่ Hanuman World เลย เพราะจองรอบไว้ประมาณ 10 โมง
ทางนั้นก็บอกให้มาเตรียมตัวก่อนซัก 15 นาที มาถึงก็ดูยังไม่มีใครเลย เงียบเหงา แต่รอซักพักก็มีคนมา
เราจองเซ็ทเล็กมา มีซิปไลน์ 7 สถานี Roller แล้วก็ Sky walk รวมทั้งหมด 990 บาท/คน
จองผ่านแชทของทาง Hanuman World เลย เจอโปรโมชั่นจาก Ar-pae.com ก็แคปไปแจ้งในแชท
มาถึงก็ต้องลงทะเบียนกันก่อน
เจ้าหน้าที่ก็จะให้อ่านข้อมูล เกี่ยวกับความพร้อมของร่างกาย และข้อควรระวังต่าง ๆ
ซึ่งทุกคนที่จะมาร่วมกิจกรรม ก็จะต้องทราบว่าตัวเองมีความพร้อมหรือไม่
อย่างพี่เจ ก่อนหน้านี้ก็มีอาการปวดหลังจากการทำงาน ก็สอบถามเขาว่ามันอันตรายไหม
สอบประวัติกันอยู่พักนึงถึงพบว่า น่าจะไม่กระทบ เพราะก้มหลัง เอี้ยวตัวยังโอเค ก็ไปเล่นได้
ลงทะเบียนเสร็จก็จะได้ริสแบนด์มาใส่ สำหรับซิปไลน์ โรลเลอร์ และสกายวอล์ค
พอเล่นอันไหนเสร็จก็ถอดคืนให้เจ้าหน้าที่ประจำกิจกรรม จะได้รู้ว่าเหลืออะไรบ้าง
[จบกิจกรรมเราซื้อรูปและคลิปไฮไลท์มาด้วย ราคา 1,100 บาท รูป 600 บาทและคลิป 500 บาท]
ก่อนจะเริ่มกิจกรรมทั้งหมด ก็ต้องไปใส่อุปกรณ์กันก่อน ทุกคนจะได้รับแจกผ้าผูกหัว
เอาไว้ผูกก่อนใส่หมวก หมวกจะมีแบบปกติ กับแบบเสียบโกโปรได้ แล้วก็ใส่เข็มขัดที่เอาไว้โหน
ถ่ายรูปเปิดกันหน่อยจ้า 



ก่อนจะไปเริ่มต้นกัน เราก็ต้องมาฟังคำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อน สิ่งที่ควรและไม่ควรทำ
จากนั้นก็ไปเริ่มสถานีแรกกัน กลุ่มเรามีทั้งหมด 5 คนเท่านั้น
Station 1
เส้นแรกเป็นเส้นที่ยาวที่สุด ระยะทาง 500 เมตร ถือเป็น fresh start กลัวให้สุดไปก่อนเลย
เราต้องเดินขึ้นบันไดวน ที่ค่อนข้างโคลงเคลง และสูงมากก ขาสั่นเลยจ้า
ระหว่างอยู่ในกิจกรรม สายคล้องของเราจะถูกเกี่ยวไว้กับเคเบิลตลอดทาง ถ้าพลัดตกก็จะมีสายนี้ช่วยอยู่
ค่อย ๆ ขึ้นกันนะคะ ยิ่งวันนี้ฝนเพิ่งตกไป ทำให้สถานีดูลื่น ๆ
พี่เขาตามมาย้ำการปฏิบัติตัว การจับ การทิ้งตัว ระวังมือ แขน หัว ขา
พี่เจไปก่อนคนแรกเลยจ้าา
ตอนออกตัวนี่แหละ ยากที่สุด T^T
วิวที่เราเห็นจากสถานีแรกค่ะ
ผ่านสถานีแรกไปแบบหวิว ๆ 

Station 2
เป็นสถานีโรยตัว แต่ระยะไม่ไกลมาก แถมปล่อยแบบเบา ๆ ถึงจะดูเหมือนตกตึกก็เถอะ 55555
ลักษณะของสถานีนี้จะล้อมรอบด้วยชั้นยืน ทำให้ดูไม่หวิวมาก มั้ง
ทุกคนมามุงลุ้นการปล่อยตัว
มือดิฉันก็คือ ช่วยด้วยจ้าา แต่คนด้านบนโนสน 



Station 3
เป็นซิปไลน์สั้น ๆ เลยเพิ่มความตื่นเต้นด้วยแรงเหวี่ยงจากเจ้าหน้าที่ บินไปเลยจ้าาา 

เห็นมือพี่เขาไหมคะ กระชากไปทางน้านนนนน 

ดูเหมือนปกติใช่มั้ย
เส้นทางที่แสนสับสนวุ่นวาย 

Station 4
ไปกันแบบชิล ๆ ชมวิว แต่ด้วยระยะทางที่ไม่สั้นไม่ยาว ทำให้อาจจะไหลไปเร็วเกินไป
เจ้าหน้าที่ก็จะมีกระบวนท่าเขย่าเคเบิลเพื่อลดแรงเคลื่อนของเราลง ให้ความเร็วลดลง
สุดชิล
สบายใจ
ชะลอความเร็วกันหน่อย
Station 5
มาถึงสถานีสุดท้ายแล้ว เป็นสถานีโรยตัวเช่นเดียวกัน แต่สูงกว่า และไม่มีชั้นยืนรอบ ๆ เป็นการปล่อยออกไปด้านนอก
แต่ห้ามกระโดดออกไปนะ เพราะจะทำให้เชือกเหวี่ยง อาจจะไปกระแทกกับจุดอื่นทำให้บาดเจ็บได้
ไป ลงจ้า
สวยงาม สบาย ๆ
พี่เจส่องกลัวชั้นเป็นอะไรไปเหรอ ไม่ กลัวไม่เป็น
สิ่งที่ดิฉันเห็นขณะโรยตัว
เล่นเสร็จมันมีแค่ 5 สถานีแบบงง ๆ อ่ะ แต่ก็สนุกดี ผ่านไปแบบไว ๆ
ลงมาก็คืนริสแบนด์ 1 เส้น เตรียมตัวไปสถานีต่อไป Roller
Roller
นั่งรถกลับมาคืนอุปกรณ์ซิปไลน์ และไปต่อที่สถานีโรลเลอร์ พี่ ๆ ซิปไลน์บอกไว้ว่าโรลเลอร์น่ากลัวกว่า
แต่พอมาถึงสถานีโรลเลอร์ เขาก็บอกว่าผ่านซิปไลน์มาได้ โรลเลอร์ก็ชิล ๆ แหม่
โซนนี้จะไม่มีตากล้องตามมาแล้ว เราต้องถ่ายเอง ซึ่งจะเป็นมุมที่เราเผชิญ POV นั่นเอง
ก่อนจะเริ่มก็เหมือนเดิม ต้องมาฟังคำแนะนำและการปฏิบัติตัวก่อน
โรลเลอร์จะต่างจากซิปไลน์ตรงที่ ไม่สามารถถืออุปกรณ์ถ่ายภาพใด ๆ ได้เลย
และห้ามปล่อยมือจากเชือกเด็ดขาด ให้จับเอาไว้ตลอดเวลา
ท่าทางก็คือต้องเอนหลังเอาไว้ อุปกรณ์จะรองรับตัวเราเอง
ก่อนคนแรกจะออก เจ้าหน้าที่ก็แนะนำท่าให้ชัดเจนอีกที
มาปล่อยตัวเข้าสู่โค้งแรกกันเล้ยย 

จะหลุดโค้งแล้วววว 

สุดเหวี่ยงไปเลยพี่!
พอไปถึงท้าย ๆ กลายเป็นว่าเราไปไม่ถึงตอนจบ แถมย้อนหลังกลับมาหน่อยนึง
เราสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเพราะว่าเราโยกหน้าโยกหลังมากเกินไป ไม่กล้าเอนสุดหลัง
เลยอาจจะทำให้มันเสียจังหวะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าจริงมั้ย เพราะคิดเอง คนอื่นก็มาถึงหมดเลยนะ แง
ทำให้เจ้าหน้าที่ปลายทางต้องมารับ แล้วลากไป รอดแล้ววววว
โรลเลอร์เป็นอันที่เล่นแล้วเมื่อยมาก เพราะทั้งเกร็ง ทั้งต้องจับเชือกไว้
ทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อย 5555555555 แต่สนุกสุดเหวี่ยงจริง กรี๊ดคอแห้งเลย
และก็มาถึงสถานีสุดท้ายของวันนี้กัน
Sky Walk
ปิดท้ายด้วยทางเดินชิล ๆ สูงแต่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะต้นไม้มันฟูมาก
มีตรงที่เป็นพื้นซีทรู อันนี้หวาดเสียวนิดหน่อย ก็ค่อย ๆ เดิน
ต้นไม้ดีงามมาก ดีที่ฝนไม่ตกแล้ว
ระยะทางไม่ไกลมาก เดินไปสบาย ๆ ชมนกชมไม้
ระหว่างทางก็จะมีต้นไม้ให้ชม อย่างต้นทางซ้ายก็มีอายุเยอะมากก เจ้าหน้าที่เลยถ่ายรูปให้
ต้นอื่น ๆ ก็มีป้ายติดชื่อไว้ด้วย ให้เราเดินชมไปเรื่อย ๆ
พอสุดทางก็เป็นทางลงเชื่อมกับร้านอาหาร Three Monkeys เลย แต่เลือกเดินออกก็ได้
เราแวะไปซื้อรูปก่อน แล้วให้พี่เจไปจองโต๊ะไว้ให้ เพราะเรายังเหลือภารกิจอีก คือมากินสลัดปลาสามอย่าง
(2) Three Monkeys Restaurant
LOCATION: https://goo.gl/maps/3nRoLhqrNUDgyUJF6
ตอนแรกที่ไปเล่นที่ Hanuman World มีแจกส่วนลดร้านอาหารในเครือ โดยให้สมัครสมาชิก Sawasdee Phuket
เราจะได้ส่วนลดร้านอาหาร 20% กรี๊ดด โดยที่สามารถใช้กับร้านอาหารในเครือ กี่ครั้งก็ได้ในวันนี้
เราก็เอาไปใช้กับ Three Monkeys ได้เลย สุดว้าวว
บรรยากาศร้านด้านล่าง
มาค่ะ สลัดปลาสามอย่าง หนุมานคลุกฝุ่น และแกงส้มกุ้งยอดมะพร้าว 

เครื่องดื่ม เราสั่งแบบครั้งที่แล้ว เพราะติดใจมาก
Ice Lemon Mint Juice / Frappe Choco Caramel
อย่าลืมไปเดินถ่ายรูปมุมต่าง ๆ สวยงาม
มองเห็นวิวสุดลูกหูลูกตา 

จบภารกิจท้องอิ่มกันแล้ว ไปต่อที่ภารกิจใจอิ่มกันเลย
เนื่องจากทริปนี้ตรงกับวันเกิดเราพอดี เราก็ได้มีการรับบริจาคเงินเพื่อมาซื้อของไปบริจาคตามความตั้งใจ
(3) มูลนิธิพิทักษ์เด็กภูเก็จ หรือ บ้านเด็กฮอลแลนด์
LOCATION: https://goo.gl/maps/JFBTbz8tD9Ys5Ejc6
เราลองหาข้อมูลสถานที่รับบริจาคของภูเก็ตว่ามีที่ไหนบ้าง ปีนี้ตั้งใจว่าจะบริจาคให้เด็ก ๆ ก็เลยมาเจอที่นี่พอดี
บ้านเด็กฮอลแลนด์จะรับเลี้ยงเด็กเล็ก อายุประมาณ 4 - 7 ขวบ ของที่ต้องการรับบริจาค
ก็จะมีพวกแพมเพิส นมกล่อง นมเปรี้ยว นมผง ประมาณนี้ เราได้ยอดบริจาคมาประมาณ 7,100 บาท
ก็ไปซื้อของที่บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์กันเล้ยยยย 



ขอบคุณผู้ร่วมบริจาคทุกท่านมาก ได้ของมาเต็มหลังรถเลย 

มาถึงแล้ว ช่วยกันขนของลง
เด็ก ๆ ออกมาต้นรับพร้อมร้องเพลง ขอขอบพระคุณ 

ขนของเข้าบ้านกันดีกว่าาา 

บริจาคของแล้วพูดคุยกับคนดูแลเล็กน้อย เราก็ปลีกตัวออกมากัน
เด็ก ๆ ที่นี่มาอยู่เพราะว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลหรืออยู่ในเรือนจำ บางส่วนอยู่ประจำ และบางส่วนไปกลับ
อย่างวันที่เราไป ก็จะเจอเด็ก ๆ ที่อยู่ประจำเพราะเป็นวันอาทิตย์ มีน้องคนนึงเกิดวันที่เราไปพอดีด้วย
น้องเล่าให้ฟังว่า แม่โทรมาบอกว่าสุขสันต์วันเกิดด้วย แล้วน้องก็คิดถึงแม่มาก ๆ 



แต่โดยรวมก็ดูสดใสร่าเริงตามวัยเด็กกัน
(4) Simply 'ism Cafe
LOCATION: https://goo.gl/maps/DBivUY7q1y6VThmEA
เนื่องจากยังเหลือเวลาอีกมาก ก่อนจะถึงเวลากลับบ้าน เราก็เลยต้องหาที่แวะนั่งเล่นกันก่อน
คาเฟ่ในสวนที่เราปักไว้ มาถึงแล้วไม่ปิด ดีใจ 555555
บรรยากาศร่มรื่นเหมือนอยู่บ้านสวน
ดูเมนูแล้วก็สั่งอาหารที่เคาน์เตอร์
พิซซ่าทะเลสุดบางกรอบ
เสาวรสโซดาและชามะนาว
มีมุมร้านน่ารัก ๆ เต็มไปหมด
นั่งไปซักพักเวลาก็ยังเหลือเยอะ เลยคิดขึ้นมาว่า ไปดูพระอาทิตย์ตกกันดีกว่า ยังไงก็คืนรถตั้ง 3 ทุ่ม บิน 5 ทุ่ม
เราก็เลยเสิชว่าจุดไหนดูพระอาทิตย์ตกสวย ๆ บ้าง จริง ๆ จุดชมพระอาทิตย์ตกของภูเก็ตเยอะมาก
แต่เราตั้งใจจะไปที่หาด เพราะจะได้เข้าถึงง่าย เราเสิชไปเจอว่าต้องไปดูที่โขดหินแถวหาดกะหลิม
(5) จุดชมพระอาทิตย์ตกหาดป่าตอง-หาดกะหลิม
LOCATION: https://goo.gl/maps/uxCwea7rKmkxGEWr6
เรามาถึงริม ๆ หาดป่าตองจุดที่ติดกับหาดกะหลิมแหละ แล้วก็ลงดูตรงนั้นเลย เพราะเจอที่จอดรถพอดี
มีคนมารอดูพระอาทิตย์ตกพอประมาณ ค่อยใจชื้นหน่อยว่ายังมีคนที่ภูเก็ตอยู่ 

ชายหาดที่พอมีคนอยู่บ้าง
หมดวันนี้ไปแบบสวยงาม
เซย์กู๊ดบายภูเก็ตกันแบบสวย ๆ 

3 ทุ่ม ได้เวลานัดคืนรถ ก่อนจะถึงเวลาเราก็ไปเติมน้ำมันให้เรียบร้อย ที่เช่ารถบอกให้ขับมาคืนที่ออฟฟิศ
เพื่อตรวจรับรถกัน แล้วเดี๋ยวเขาจะขับไปส่งเราที่สนามบินให้ พอมาถึงสนามบินเราก็เช็คอินตามปกติ
เข้าไปรอด้านใน ง่วงแล้วง่วงอีก ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง มาถึงกรุงเทพประมาณตี 1 ปรากฏว่าลงจากเครื่องไม่ได้
เพราะฝนตกหนักมาก ทำให้เราต้องนอนรออยู่บนเครื่องร่วมชั่วโมง จนถึงตี 2 ก็คือไม่ไหวแล้ว ง่วงมาก
พอได้ลงก็รีบบึ่งไปเอารถออก จ่ายเงินค่าที่จอดแล้วกลับบ้านไปนอนนนน
จบทริปจริงแล้วจ้าาาา 
















Comments
Post a Comment