PHUKET in the Storm 2019

หน้าฝนเป็นหน้าที่เราควรเลือกไปเที่ยวทะเลน้อยที่สุด
แต่นั่นไม่ทำให้เราสะทกสะท้านแต่อย่างใด เพราะตอนเราจอง เราลืมว่ามันคือหน้าฝน
บ้าหรือเปล่า เอาล่ะ ไหน ๆ เราก็จองไปแล้ว เราก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้อ่ะแก ไม่เกี่ยว!


เป้าหมายของเราในทริปนี้คือ จังหวัดภูเก็ต ตัดเข้า VTR แนะนำจังหวัดภูเก็ตกันสักครู่

"ถ้าพูดถึงทะเลทางตอนใต้ของประเทศไทย
ภูเก็ตก็น่าจะเป็นจังหวัดหนึ่งที่คนนึกถึงเป็นจำนวนมาก
เพราะนอกจากอ่าว ทะเล เกาะและชายหาด
ภูเก็ตก็ยังมีย่านเมืองเก่าให้เราไปเดินเล่นได้แบบชิล ๆ
ทริปภูเก็ต 3 วัน 2 คืนในครั้งนี้ เราก็เที่ยวแบบสายแมส ใครไปไหนเราไปด้วย
ส่วนทริปดำน้ำก็ขอลาก่อน เพราะไม่สู้ฝนจ้า กลัวน้ำขุ่น น้ำแรงใด ๆ
เอาไว้คราวหน้าจะมาแก้มือใหม่ในหน้าร้อนแน่นอน!"

เราจองเที่ยวบินกับแอร์เอเชียเพื่อนรักตลอดกาลของเราเอง ไปไหนไปกัน
แต่ถึงจะเป็นเพื่อนรักตลอดกาลก็ยังมีแคนเซิลกันบ้างเป็นธรรมดา แบบเพื่อนเท!!!
ยังดีที่มีอีเมลแจ้งเตือนให้เราได้รู้ตัวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
และสามารถเลือกเที่ยวบินใหม่ได้ตามใจชอบ เพราะทางสายการบินเป็นฝ่ายยกเลิกก่อนเอง

เที่ยวบินที่ข้าพเจ้าเลือก
อันนี้จองตอนได้โปรถูกอยู่ประมาณนึงเหมือนกัน ไป - กลับคนละ 770 บาท
แล้วก็อาจจะเป็นเพราะหน้าฝนด้วย นี่ก็ไม่เอะใจเลยเนาะ 5555555

ส่วนที่พักเราจองที่ Hotel IKON Phuket น่าจะกำลังบูมเลย
เราเลือกห้องพักแบบ IKON Ocean (inc. breakfast) รวมอาหารเช้านั่นเอง
ราคาปกติจะคืนละประมาณ 6,XXX THB ถ้านอน 2 คืนก็ 12,XXX เบา ๆ
นี่ก็ตกใจนะเพราะเพิ่งเข้าไปดูในเว็บของโรงแรมตอนหลัง
แต่เราจองในโปรโมชั่นแบบ early bird และได้ราคามาคืนละ 1,8XX เท่านั้น

อ่ะ เรามาเดินทางไปภูเก็ตกันดีกว่า
✈✈✈✈

DAY 1 ☂ 20/07/2019

ออกเดินทางสู่สนามบินดอนเมืองกันแต่เช้า เพื่อความพร้อมในการเตรียมเอกสารและขึ้นเครื่อง
และสามารถมีเวลาหาอะไรกินกันตอนเช้าเพื่อไม่ให้หิวระหว่างเดินทาง ถึงจะนั่งเครื่องแค่ชั่วโมงเดียวก็เถอะ
เราใช้บริการฝากรถที่สนามบินของ Valet Parking ซึ่งใช้จนชิน
อาจจะราคาเท่าของสนามบินเอง แต่ก็อุ่นใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะมีคนเฝ้ารถให้
และมาฝากท้องกับ Magic อร่อย นี่คือชื่อร้าน มีความเคลมตัวเอง
อยู่บริเวณชั้น 3 ด้านในสุดหลังบันไดเลื่อนไปอีก ราคาถูกและคุ้มค่าดีจ้า

จริง ๆ ก็คือบังเอิญเจอแหละ คุณยายหันมาเหมือนโดนชี้ 555555

เมนูแต่ละวันอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกันมั้ง

จากนั้นก็เข้ามารอขึ้นเครื่องเพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดภูเก็ตกัน
เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ในการเดินทาง

ถึงแล้วจ้า สวัสดีจ้าภูเก็ต

เราเช่ารถเอาไว้ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Easy rent car
เพราะว่าได้ส่วนลดเยอะมากถ้าจองครั้งแรก และมันก็ได้เยอะมากจริง ๆ
ลักษณะแอพก็เหมือนเป็นเอเจนซี่กลางที่รวมร้านเช่ารถเอาไว้
เราเลือกได้ของ Europcar



จองแล้วก็จ่ายเงินผ่านแอพอะไรเป็นที่เรียบร้อยเพื่อตอนมารับรถจะได้ไม่ต้องจ่ายอีก
และด้วยความชะล่าใจและเลินเล่อของน้องเอง ไม่ได้อ่านเนื้อหาการจอง
พอมาถึงหน้าเค้าท์เตอร์ก็พบว่า เจ้าของใบขับขี่จะต้องมีบัตรเครดิต
ที่จะเอาไว้ประกันรถในเงื่อนไขต่าง ๆ ใช้วงเงินประกัน 9,000 บาท
และถ้าไม่เกิดความเสียหายใด ๆ ก็จะได้คืน แต่... แต่ว่า... แต่ว่า........
พี่เจไม่มีบัตรเครดิต และไม่สามารถใช้ของคนอื่นได้
จึงจะต้องทำการซื้อประกันความเสียหายแทน เพิ่มมามากกว่าส่วนลดอีก แง

ถือเป็นบทเรียนว่า ต่อไปจะต้องอ่านรายละเอียดดี ๆ ก่อน
และในอนาคตอาจจะเลือกเช่ารถแบบชาวบ้านมากกว่าผ่านเอเจนซี่
ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าต้องมีบัตรเครดิต แต่เราไม่ทราบจริง ๆ จ้า

เราจะได้เอกสารมาหน้าตาประมาณนี้ บอกเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน
หมายเลขรถ และก็รายละเอียดใด ๆ ของรถให้เราเก็บไว้

เราก็ตรวจสอบรถพร้อมกับเจ้าหน้าที่ แล้วก็พร้อมออกเดินทางจ้า

หลังจากได้รถมา เราก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรก
จริง ๆ เป็นคริสตศาสนิกชนนะ แต่ว่าเวลาไปเที่ยวต้องเลือกไปวัดก่อนทุกที
เพราะพอเป็นในประเทศไทยแล้วมันง่ายมั้ง

(1) วัดทอง (วัดพระผุด) 🙏
ดูเป็นสถานที่ที่ต้องมานิดนึง เพราะในรีวิวแทบทุกฉบับก็คือแนะนำให้มา
ลักษณะพิเศษและเป็นลักษณะเด่นของที่นี่เลยก็คือพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้น
ก็คือสวยงามมากกกกก ทำบุญไหว้พระเล็กน้อยให้เป็นสิริมงคลกับน้อง
แต่วันที่เราไปคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ก็ตาม

เข้าไปด้านในกัน

ส่งตัวแทนไปไหว้พระขอพรให้เดินทางปลอดภัย

สาธุค่ะ

ภายในรั้วเดียวกัน จะมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บของเก่าเอาไว้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
เพราะเจตนาของคนถ่ายอาจจะนำภาพไปปล่อยในเพจประมูลได้
(อันนี้คุยกับพี่คนที่เฝ้าอยู่ว่ามันเคยมีเคสเกิดขึ้น กลุ่มที่ตามหาของเก่าอะไรแบบนี้)
ซึ่งก็จะมีของที่เป็นวัฒนธรรมจีนเสียส่วนใหญ่

ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจศึกษาจังหวัดภูเก็ตมามากนัก
คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวตลอดเวลาก็คือ ทำไมภูเก็ตถึงจีนนัก
และการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในทริปนี้ก็ได้ให้คำตอบกับเรา
โห พูดจาดีจังอ่ะ ดูมีสาระกว่าทุกทริปที่ผ่านมาเลยอ่ะ 55555555

รีบไปที่ต่อไปกันเลยดีกว่า ท่าทางฝนจะมาแล้ว

(2) Dolphins Bay Phuket 🐬
อยากมามากกกกก เพราะอยากมาดูน้องโลมากระโดดโลดเต้น
เกือบจะมาไม่ทัน มาถึงแบบเฉียดฉิว และได้เข้าไปข้างในจริง ๆ ตอนการแสดงเริ่มแล้ว
ที่นี่จะเปิดทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ และปิดทุกวันจันทร์
รอบการแสดงจะมีทั้งหมด 3 รอบต่อวัน เวลา 11.00 น./14.00 น./17.00 น.
ค่าบัตรจะมี 4 ระดับ แยกเป็นแถวที่นั่ง และแยกเป็นราคาต่างชาติกับคนไทย
เราบอกเฉพาะราคาคนไทยแล้วกันเนาะ เป็นราคาผู้ใหญ่/ราคาเด็ก
1. VVIP 700/500 บาท
2. VIP 600/400 บาท
3. Deluxe 500/300 บาท
4. Regular 400/250บาท

บัตรน่ารักถูกใจมาก

เราเลือก Regular ซึ่งก็เห็นชัดมากเหมือนกัน ไม่เปียกด้วย รอบ 14.00 น.
ส่วนมากก็จะมีทัวร์มาลงเป็นกรุ๊ปใหญ่ ๆ แบบจองเอาไว้แล้ว ทำให้เราแทบไม่ได้ที่นั่ง

มาดูความน่ารักของน้องกันดีกว่า

เริ่มด้วยน้องแมวน้ำที่ออกมาทำการแสดงชุดแรกก่อนน้องโลมาจะแสดง

แถวหน้าก็คือ VVVVIP สุด ๆ ได้สัมผัสน้องตัวเป็น ๆ เลย แง้
แต่ว่าเจ้าหน้าที่ก็จะบอกว่าไม่ให้ลุกเดินหรือยืนขึ้น เพราะอาจจะทำให้น้องตกใจได้
ให้นั่งกับที่เดี๋ยวน้องก็ไปหาเอง แต่ก็จะ exclusive เฉพาะที่นั่ง VVIP เท่านั้นนะจ๊า

มาดูเจ้าโลมากันมั่ง
ต่อแถวกันน่ารักน่าเอ็นดู

ฮึบบบบบ!


จะเล่นลูกบอลหรือฮูล่าฮูปก็ได้

โดยรวมถือว่าประทับใจมากกกก ชอบมากกกกกก
ถ้าไม่ซีเรียสว่าจะต้องได้อยู่ใกล้สุด ๆ ที่นั่งเราก็โอเคแล้วนะ
ด้วยความที่ฮอลไม่ลึกมาก ทำให้ทุกที่นั่งเห็นทั่วถึงกันหมด
แต่ถ้าใครอยากใกล้ชิดน้อง ๆ และชมการแสดงแบบไม่มีอะไรขวางตา
ก็เชิญด้านหน้าได้จ้า เลือกราคาตามความพึงพอใจได้เลยน้า
ยิ่งถ้าใครพาเด็ก ๆ มา ก็ยิ่งควรค่าแก่การมาดูเลยแหละ
★★★★★

 (3) Phuket Zoo - สวนสัตว์ภูเก็ต 🐒🐊🐘🐯
วันเวลาทำการ 8.30 - 17.30 น.

อัตราค่าบริการ ราคาคนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 40 บาท
จริง ๆ เราตั้งใจจะมาสวนสัตว์วันสุดท้าย เพราะไม่รู้ว่ามันอยู่ใกล้ Dolphins Bay ขนาดนี้
พอรู้ว่าอยู่ติดกันก็เลยแวะไปซักหน่อย ซึ่ง...ฝนตกตอนที่เรากำลังดูโชว์จระเข้อยู่
แล้วก็ไปไหนต่อไม่ได้แล้ว ลองเดินออกมาดูว่าเป็นไง พอได้ไหม
สุดท้ายตัดสินใจกลับ แต่ว่าก่อนกลับเราแวะไปดูแผนที่
สวนสัตว์ค่อนข้างเล็ก และไม่ได้รับการบูรณะเท่าที่ควร ซบเซามาก
บวกกับมาเจอฝนตก บูดเข้าไปอีก

 ทางเข้าสวนสัตว์

เย้ย!
โชว์จระเข้โชว์เดียวที่ได้ดู โชว์กันแบบเงียบ ๆ เนือย ๆ
 ไหน ๆ ฝนก็ตกและไปทำอะไรไม่ได้แล้ว เข้าโรงแรมไปเช็คอินกันดีกว่า

(4) Hotel IKON Phuket

อย่างที่บอกว่าเราจองล่วงหน้ามาสักพัก ทำให้ได้ราคาค่อนข้างถูกกว่าปกติ
มาถึงโรงแรมก็รู้สึกหรูหราอลังการกว่าที่คิด แต่ก็ยังคงความวัยรุ่นอยู่
โรงแรมจะมีทั้งหมด 3 อาคาร เพราะว่าทำเลเป็นเนินเขามั้ง เลยทำให้เป็นสโลปขึ้นไป
แต่ละตึกก็เลยต้องสร้างแบบไล่ระดับกันขึ้นไปเรื่อย ๆ
ตึก A จะเป็นส่วนของ reception และห้องอาหารที่ช่วงนี้ไม่ได้เปิด
ตึก B มีสปาและฟิตเนส สระว่ายน้ำและห้องอาหารที่ใช้ทานอาหารเช้าและเย็น
ตึก C ก็จะเป็นห้องพักทั้งหมด เราได้ตึกนี้เพราะจอง sea view
(ปล. ตึก B ก็มีห้องพักด้วยเหมือนกัน)

มีโซฟาที่เป็นแบบก่อติดผนัง สวยดี
นิตยสารของที่พัก ห้ามเปียก ห้ามขาด ห้ามพังนะจ๊ะ

ห้องน้ำก็มีความไฮโซ แยกโซนเปียกแห้ง facility ครบ

วันนี้เราเลือกทานอาหารเย็นที่โรงแรมเลย เพราะฝนตก
แต่ก็แอบหวังเล็ก ๆ ว่าถ้าฝนซาจะออกไปหาอะไรกินต่อข้างนอก

Dinner at IKON Cafe
เราสั่งแค่ 2 อย่าง เพราะหวังจะไปกินต่อข้างนอกอย่างที่บอก
2 อย่างนั้นคือ พิซซ่าและชุดหมูสะเต๊ะ หวังไปกินต่อจริงเหรอ??
ห้องอาหารไม่มีใครเลย ข้างนอกฝนก็ตก

เปิดเมนูมาเลือกสรรกันเลยจ้า

น่ากินมากกกก แถมพบว่ากินกันแค่ 2 คนมันเยอะมากเกิน แง

ชุดหมูสะเต๊ะ น้ำจิ้มอร่อยย

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ดื้อด้านออกมา ออกมาแบบมืด ๆ
ขับไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย ลองลงไปแวะจุดชมวิวที่มองไม่เห็นอะไรเลย

ที่แรกคือแอบแวะหาดกะตะก่อน แวะลงมาดูเมฆฝนเฉย ๆ ฮือ

แล้วก็แวะมาที่จุดชมวิวกะรน เห็นแค่นี้ก็สวยแล้วอ่ะ

 (5) The Sundeck
เราเจอร้าน The Sundeck ที่ดูจากชื่อก็น่าจะต้องมาตอนกลางวันอ่ะ
ตอนกำลังขับผ่านไปจุดชมวิว เห็นว่าร้านน่ารักดี ตอนกลับลงมาเลยแวะ

เมนูแบบเรียบ ๆ สีร้านแบบเอิร์ธโทน แต่งตัวมาเข้าพอดี เวรี่กู้ด

ได้คุยกับพี่ที่ดูแลร้าน เขาบอกว่าช่วงนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน กำลังลองตลาด ว่าลูกค้าไปมาเป็นยังไงบ้าง
แถมบอกกับเราว่าเสียดาย ถ้ามาตอนกลางวันจะสวยมาก ใช่ค่ะ ทางเราก็เสียดายจริง ๆ
นั่งดื่มบรรยากาศชื้น ๆ ไปสักพักก็กลับไปโรงแรม นอน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ


DAY 2 ☂ 21/07/2019

เช้าวันใหม่อันสดใส ที่ตอนแรกแอบหวังไว้ว่าจะซื้อทัวร์ดำน้ำ
แต่เมื่อวานฝนตกเยอะ ก็เลยล้มเลิกไป แต่วันนี้ฝนดันตกน้อยถึงแทบไม่ตกจ้ะ
เสียดายอีก แต่ก็ช่างมัน ภูเก็ตต้องมีอย่างอื่นให้ทำอีกสิ

ท้องฟ้าที่ดูดีกว่าเมื่อวาน

บรรยากาศโรงแรม


ต้อนรับเช้าวันใหม่กับอาหารเช้าจากห้องอาหาร IKON Cafe
เมนูแบบผสมผสานหลากหลายประเทศ มีตั้งแต่ไส้กรอก ขนมปัง ยันซุปมิโสะ
อาหารเช้าจะสามารถทานได้ตั้งแต่เวลา 6.30 - 10.30 น. ใครตื่นสายก็ไม่ต้องกังวล

สายทานทุกอย่างอย่างเราหวานปากเลย


พอทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็จะเริ่มชะโงกทัวร์กัน ไปแวะชายหาดดีกว่า

(1) แวะชายหาด
ที่ภูเก็ตจะมีชายหาดน่าสนใจหลายหาดมาก ถ้าอ่านรีวิวหลาย ๆ ที่จะพบว่ามีแนะนำไว้เยอะเลย
เราจะไปยังชายหาดต่าง ๆ แทนการไปทริปดำน้ำ ซึ่งมันจะทดแทนกันได้ยังไง 555555555
เราเลือกหาดจากเส้นทางที่ใช้ในการเดินทาง เพื่อไม่ให้เหนื่อยหรือวกวนจนเกินไป
ออกมาเป็น 4 หาด ดังนี้ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดสุรินทร์

หาดกะรน
หาดกะรนเป็นหาดที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 2 ของที่นี่เลยนะ
แต่ไม่ค่อยคึกคักมากเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวไม่เยอะจนทำให้หาดแน่น
ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ระหว่างหาดป่าตองที่เป็นที่นิยมมาก กับหาดกะตะก็ตาม




หาดป่าตอง
พอมาถึงหาดป่าตองก็จะเห็นชัดมากว่าคึกคักต่างกันโดยสิ้นเชิง
กิจกรรมเยอะมาก ทั้งเจ็ทสกี เสิร์ฟ พาราเซล นักท่องเที่ยวก็เยอะมากเช่นกัน


แต่ก็มานั่งเล่นชิล ๆ หรือเล่นน้ำเฉย ๆ ได้นะ

ร่มสีสวยมากกก

แอ๊บนั่งพักผ่อน



หาดกมลา
หาดกมลาจะอยู่ติดกับหน้าโรงแรมหลายแห่ง ทำให้เป็นเหมือนหาดส่วนตัวของคนที่มาพักมากกว่า
แต่ก็มีคนมาอาบแดดหรือทำกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ อยู่พอประมาณ

มีโรงแรมอยู่ติดหาดเลย


เล่นเสิร์ฟกันชิล ๆ

หาดสุรินทร์
หาดสุรินทร์ก็จะคล้าย ๆ กัน ตรงที่มีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มานอนอาบแดดกัน
เล่นกิจกรรมทางน้ำ ส่วนมากก็คือไม่มีคนไทยเลย เป็นการเปิดหาดให้นักท่องเที่ยวโดยแท้




เป็นการแวะมาถ่ายรูปกับหาดที่อิเหละเขะขะมาก
ส่วนมากทุกหาดจะมีนักท่องเที่ยวที่อาจจะอยู่โรงแรมใกล้เคียงมาเล่นน้ำ
นอนอาบแดด ทำกิจกรรมทางน้ำ ทั้งเซิร์ฟบอร์ด พาราเซล พายเรือ เจ็ทสกี

หาดป่าตองจะคนเยอะหน่อย เพราะกว้าง และมีชื่อเสียงที่สุด
นอกนั้นก็พอมีนักท่องเที่ยวกระจายกัน บางหาดก็มีฟีลส่วนตัว ๆ กันไป

ได้เวลาอาหารแล้ว 

(2) Three Monkeys Restaurant
เที่ยงแล้วมาฝากท้องที่ร้านอาหารบรรยากาศท่ามกลางป่าเขา
ร้านอาหาร Three Monkeys จะอยู่ภายในทางเข้าเดียวกับ Hanuman World
ซึ่งกินข้าวไปมองคนเล่นซิปไลน์ไปได้พลาง ๆ ด้วย

มาต่อแถวเข้าร้านกัน


เมนูที่เราสั่ง เด็ด ๆ ทั้งน้านนนนน ซี๊ดดดด
ข้าวผัดกุ้ง/สลัดปลาดิบรวม/หนุมานคลุกฝุ่น (คั่วกลิ้ง)/กุ้งลงกา (ต้มยำแห้ง)

 
เครื่องดื่มและเจ้าลิง



บรรยากาศร้านน่ารักมากก จะมีโซนนั่งพื้นด้านใน นั่งโต๊ะด้านนอก
และโต๊ะสำหรับแขกที่ไม่ได้รับประทานอาหาร แต่สั่งเฉพาะเครื่องดื่ม

พนักงานค่อนข้างเยอะ กระจายกันให้บริการในหลาย ๆ จุด

ร่มรื่นเขียวขจีประมาณนี้

(3) Magaret Rawai
หลังจากรับทานอาหารเสร็จ เราก็ตามหาคาเฟ่เพื่อนั่งชิล
ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่เราตามมาจากรีวิวเช่นกัน เที่ยวตามรีวิวทั้งทริปค่ะบอกเลย 
หน้าร้านจะเป็นเหมือนบ้าน ทางเข้ามาจอดรถ และทางเดินมาในร้าน ก็จะมีป้ายติดไว้เลยว่านี่คือพื้นที่ส่วนบุคคลนะ
ซึ่งมันคือบ้านเลยแหละ แต่บรรยากาศดีมาก ถึงจะยุงเยอะหน่อย


เข้ามาก็หาที่นั่งให้เรียบร้อยและเดินไปสั่งน้ำและขนมหน้าเค้าท์เตอร์
แล้วก็จะมีพนักงานลงมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะที่เราเลือก

บ้านสวยนะคะคุณพี่

มาสั่งขนมและเครื่องดื่มหน้าเคาน์เตอร์ แล้วก็จ่ายเงินเลย

ดูเมนูก่อนเข้าไปสั่งได้

บรรยากาศดีจนพี่เจหลับไปเลย 55555555555 วิวก็ดีมากนะจ๊ะว่าไม่ได้ มองเห็นทะเลด้วย


มันจะมีศาลาที่สามารถนอนได้ด้วย แต่ต้องสั่งครบ 500 บาท อยู่ได้ 2 ชั่วโมง

ร่างกายต้องการของหวานนน 

มีสวนที่จัดไว้แบบร่มรื่น

ระหว่างที่เรานั่งกันอยู่ก็มีฝนตกลงมาเล็กน้อย แต่เรานั่งใต้หลังคาก็ยังพอหลบได้
พี่เจหลับไปตื่นใหญ่ แล้วก็กินขนมนมน้ำจนเสร็จ เราก็ไปต่อกัน

(4) แหลมพรหมเทพ
ถ้ามาภูเก็ต ยังไงก็ต้องมาแหลมพรหมเทพ และวันนี้คนก็เยอะมาก
ส่วนมากก็จะรอดูพระอาทิตย์ตกอยู่ด้านบน ที่จุดชมวิวเป็นทางยาว ๆ
และบางส่วนก็เลือกที่จะเดินลงไปข้างล่าง บริเวณแหลม
และเราก็เช่นกัน ถึงจะแต่งตัวมาเหมาะสำหรับเดินป่ามาก
เราก็เลือกที่จะเดินลงไป ทางเดินไม่ได้ยากและไม่ไกลมาก
แต่ก็พอเรียกเหงื่อได้เหมือนกัน ใครที่ชอบเดินแนะนำเลย มาลองเดินดู


มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย ระหว่างทางก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ได้หลาย ๆ มู้ด

เรียงหินขอพรกันหรือเปล่าา 



ลงมาถึงด้านล่าง เราก็แวะชมวิวตามทางไปเรื่อย ๆ ทางก็จะมีทั้งยากและง่ายนะเว่ย
แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป ใส่รองเท้าแตะมาก็ยังพอเดินไหว


พอมาถึงปลายแหลมแล้วก็รู้สึกว่า เออดีแล้วที่ลงมา
ตรงนี้จะโดนน้ำทะเลซัดจนเป็นฟองสีขาว เหมือนฟองนมเลย

(5) ร้านอาหารแหลมพรหมเทพ
เราเห็นว่าถ้าใครมาชมวิวพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ
ก็ต้องมาทานอาหารที่นี่ และเพื่อให้ครบสูตร เราก็มาเช่นกัน
(แต่เราแอบเดินทางกลับที่พักไปก่อน เพื่อไปอาบน้ำ เพราะตัวเหนียวมาก
และเดินทางกลับมาอีกที โดยมารู้สึกทีหลังว่า ทำไปทำไมวะ 55555555)



ตอนที่เรากลับมาถึงที่ร้านก็ดึกมากแล้ว ไม่มีใครแล้ว
มีแต่พนักงานรอเวลาเลิกงาน แอบรู้สึกผิดเพราะเค้าเตรียมกลับบ้านกันแล้ว
รีบสั่งอาหาร รีบทาน จะได้รีบกลับบบบบบ 55555

ปลาหมึกชุบแป้งทอด 200 บาท

โป๊ะแตก 200 บาท

กุ้งทอดซอสมะขาม 250 บาท

อันนี้ลืมถ่ายรูปมา แต่จริง ๆ เป็นเมนูแนะนำของร้านเลย "น้ำพริกกุ้งเสียบ" ราคา 150 บาท
(credit: wongnai)

รสชาติอาหารดีนะ แล้วราคาก็ไม่ได้แพงมาก อันที่ชอบมาก ๆ เลยคือปลาหมึกชุบแป้งทอด
กินไม่หมดเพราะอิ่มมาก  เลยห่อกลับมาที่พักด้วย กินต่อเหมือนขนม

อิ่มแล้ว นอนได้ 


DAY 3 ☂ 22/07/2019

เช้าวันนี้ตื่นมากินข้าว แล้วก็ต้องมาถ่ายรูปเล่นกับบรรยากาศริมสระยามเช้าของโรงแรมซักหน่อย
มีมุมสวย ๆ เต็มไปหมด เพราะการตกแต่งที่คุมโทน ดูเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เราก็ต้องทำเต็มที่ ไป ไปถ่ายรูป อิ้

6 โมงกว่าแล้ว แต่ฟ้ายังไม่สว่างเท่าไหร่

อาหารเช้าจัดเต็มไปถึงของหวาน  วันนี้เราเลือกนั่งด้านนอกบ้าง

อย่ามาทำเป็นเมฆเยอะนะ! 

รับบทนางแฟชั่น

มุมไหนก็สวยสู้ฟ้า หน้าสู้แดด 

ถ่ายรูปเล่นจนหนำใจ ก็เช็คเอ้าท์แล้วไปต่อกันดีกว่า
วันนี้วางแผนจะเข้าเมือง ก็เลยเช็คเอ้าท์เลย จะได้ตรงไปสนามบินได้เลยขากลับ

(1) Phuket Aquarium
นี่เป็น 1 ในเป้าหมายหลักในการมาเที่ยวเช่นกัน
เพราะเราชอบอะควาเรี่ยมมาก มาก มากกกที่สุดในโลก
เรียกว่าย้ำทุกโพส ที่ใดมีชั้น ที่นั่นต้องมีอะควาเรี่ยม จังหวัดไหนไม่มีเราไม่ไป


เห็นป้ายด้านหน้าแสดงว่ามาถูกที่แล้ว 

ขนาดของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ภูเก็ตจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็อยากไปอยู่ดี จะได้เดินชิล ๆ
มาดูบรรยากาศข้างในกันดีกว่า วันนี้คนไม่เยอะเลย ไม่รู้ว่าเขายังมากันอยู่มั้ย
แต่ด้านในก็ไม่ได้แย่อะไรนะ มีแอร์ด้วย แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ แบบทั่ว ๆ ไป

ซื้อบัตรกันก่อน  ค่าเข้าแค่คนละ 50 บาทเอง

แวะดูแผนที่เล็กน้อย เราก็จะต้องเดินตามทางเป็นวงกลม
แต่ละจุดก็มีแสดงสัตว์น้ำแตกต่างกัน ตามกลุ่มที่จัดเอาไว้

ต้อนรับกันด้วยตู้ปลาแบบเปิด

เจ้าปลาทองและเจ้าปลาใส


กุ้งมังกร   นีโม่และดอกไม้ทะเล   และกลุ่มปลาที่ไปซ้อนกันตรงนั้นทำม้ายยย

คุณคนนี้เขาว่ายกลับหัว และมีชื่อว่า ปลากดกลับหัว หรือ Upside-down catfish

มีนางเงือกด้วย และเจ้าปลาไฟลมอเรย์


ปลาดาวที่อยู่ท่ามกลางหญ้าทะเล

จุดนี้จะจัดแสดงปะการังประเภทต่าง ๆ ตามสายพันธุ์ เราสามารถกดปุ่มให้มันโชว์ไฟได้



กั้งทะเล และกุ้งการ์ตูน

ระบบนิเวศน์ในตู้ปลา

โซนดึกดำบรรพ์ แสดงสัตว์สต๊าฟ

และคุณแมงกะพรุน ดึ๋ง ๆ

เดินผ่านอุโมงค์ปลาขนาดย่อม

ว่าไง 

เจ้าม้าน้ำ

ถ่ายรูปกับคุณฉลาม

ฉลามบุก กลัว ๆๆๆ


จริง ๆ จะมีอีกอาคาร เป็นเหมือนอาคารจัดแสดงภาพยนตร์ แต่วันนั้นไม่มีรายการฉายเลย
ก็เลยแวะมาดูเล็กน้อย ตรงทางเข้าจะมีป้ายแสดงความลึกของการอยู่อาศัยของวัตว์น้ำอยู่

จบแล้วกับการเดินในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไปต่อ!

(2) อ่าวยน
เป็นอ่าวที่เรียกว่าบังเอิญเจอได้ไม่เต็มปาก เพราะสิ่งที่บังเอิญเจอจริง ๆ คือพรีเว้ดดิ้ง
เรากำลังเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวและทีมงานเดินออกมาจากหน้าอ่าว
เลยตามรอยไปถ่ายรูปมาบ้าง โอ้โห สวยงามอ่ะ







ไม่มีไรมาก ติดถ่ายรูปแหละ 55555555 เข้าเมืองกันดีกว่า
ก่อนจะถึงเวลากลับบ้านจริง ๆ เราแวะเข้ามาในตัวเมือง
เพื่อเที่ยวชมเมืองเก่าภูเก็ตซักหน่อย แต่ท้องฟ้าก็ตั้งท่าจะเทฝนลงมาแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่หาได้ยากมากก็คือ ที่จอดรถ แง้
เราวนอยู่แถวเดิมประมาณ 3 - 4 รอบ จนถอดใจไปจอดในวัดแทน

(3) ร้านตู้กับข้าว
เที่ยงแล้วก็มาฝากท้องกับร้านตู้กับข้าว
ด้านในมีการตกแต่งแบบผู้ดี๊ผู้ดี เหมือนอยู่ในบ้านของคนรวยอ่ะ

ขนาดร้านเป็นอาคาร 3 คูหา และไม่ได้ทุบให้ทุกส่วนเชื่อมกันทั้งหมด
เลยมีการใช้กระจกตกแต่งให้ดูกว้างขึ้นด้วย ใช้เฟอร์นิเจอร์สวยดี ภาพรวมคือชอบเลยแหละ


ถ้าเห็นกุ้งตัวนี้คือใช่เลย

เฟอร์ผู้ดีมาก

อาหารอร่อยเลยแหละ เราสั่ง 3 อย่าง ส่วนข้าวหัวใจเราทำเอง 555555

ด้านในแอบมีบาร์ซ่อนอยู่ จริง ๆ ไม่ได้ซ่อน แค่ไม่ได้เข้ามาดู

(ซ้าย) ตรงที่เดินมาเข้าห้องน้ำด้านหลังจะเห็นอาคารห้องกระจกนี้
(ขวา) ส่วนด้านหน้าร้านก็จะมีการตกแต่งด้วยถาดเซรามิค สวยงาม

(4) กาลเวลา
รับทานอาหารเสร็จก็มาต่อกันที่คาเฟ่ ก่อนจะไปเดินเล่น
ร้านกาลเวลาเป็นร้านกาแฟของโฮลเทล ด้านในตกแต่งน่ารักมาก
เป็นร้านเล็ก ๆ แหละ ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นลูกค้าจากโฮสเทล

เราสั่งโกโก้ ทางร้านแถมก้อนขนมปังที่เหมือนซาลาเปาทอดมาด้วย

เข้ามาได้เลย


ซาลาเปาจิ๋วที่แถมมาด้วย

บรรยากาศน่ารักดี มีงานคราฟต์ให้ชม

สั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ได้เลย

สามารถซื้อของกระจุกกระจิกจากที่ได้ด้วย โปสการ์ดหรือภาพติดผนังใด ๆ

(5) พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว
มาต่อกันที่ต่อไป ตอนที่เข้ามาก็เกือบจะปิดแล้วเพราะเวลาก็เริ่มเย็นแล้วแหละ
ภายในจะเป็นประวัติความเป็นมาของจังหวัดภูเก็ต ประวัติความจีนต่าง ๆ เป็นมาอย่างไรบ้าง
ตรงนี้แหละ ที่ทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมภูเก็ตถึงจีนนัก

ยุคแรก ที่นี่จะถูกสร้างเป็นโรงเรียน แต่ปัจจุบันก็ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อย่างที่เห็น
ด้านในก็ยังพอเห็นเป็นรูปแบบโรงเรียนอยู่นะ เพียงแต่มีการนำข้อมูลประวัติต่าง ๆ มาติดไว้
ส่วนที่เห็นชัดที่สุดคือ ห้องเรียนดนตรี ที่ยังคงสภาพห้องเรียนไว้อยู่

มีหลายโซนให้เดินดูด้วยราคาที่ย่อมเยามาก เพียงคนละ 50 บาทเท่านั้น

ที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมของชาวภูเก็ต
เห็นป้ายนี้แสดงว่ามาถูกทางแล้ว ใครที่มาเดินเล่นในเมืองก็สามารถเปิดแมพมาได้เลยง่าย ๆ

แวะมาซื้อบัตรกันก่อนจะเข้าไปด้านใน

แต่ละจุดจะจัดแสดงให้เห็นถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การแต่งกาย รวมถึงคำสอนที่ใช้ในสมัยนั้น

ลักษณะการสร้างบ้าน ธรรมเนียมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่ง ชาวจีนเข้ามาตั้งรกรากอยู่ได้อย่างไร

ตู้กับข้าวสมัยก่อน ที่จริง ๆ บ้านคนไทยก็ใช้เหมือนกัน อาจจะได้รับอิทธิพลมา
และสามล้อ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคนั้น และปัจจุบันก็ยังพอมีอยู่

ห้องนี้แหละ ที่เป็นห้องเรียนดนตรี ก็จัดแสดงข้อมูลเอาไว้

ถัดมาอีกก็จะมีเรือสำเภาให้เราขับด้วย ซึ่งก็จะฉายประวัติความเป็นมานั่นเอง


รูปแบบอาคารของพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวก็จะเป็นรูปแบบที่มีอยู่ทั่วตัวเมืองเก่าภูเก็ตเลย
ก็คือรูปแบบ ชิโน-โปรตุกีส ที่เราน่าจะคุ้น ๆ หูกันอยู่ หรือจะเรียกว่าสถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกสก็ได้

จากนี้เราก็ไปเดินเล่นในเมืองกัน

(6) Phuket Old Town & Street Art
ในเมืองภูเก็ตมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ตึก อย่างที่บอก ชิโน-โปรตุกีส
หรือสตรีทอาร์ทตามกำแพง เสียดายที่วันนี้ท้องฟ้าครึ้มไปหน่อย
แต่ผู้คนก็หลั่งไหลกันมาถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ เยอะเหมือนเดิม เราก็เอามั่ง ไปเก็บภาพกัน

อาคารสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีสในสีสันต่าง ๆ

ขอผัดไทยจานนึงค่ะ



อันนี้อยู่ตรงทางเข้าของบ้านชินประชา


จะมีรีวิวที่รวมจุดต่าง ๆ ของสตรีทอาร์ทไว้ เราก็ตามรีวิวนั้นไป

ตรงที่ชอบมากคือช่องกำแพงโค้ง ๆ ที่จุดประสงค์ของการมีอยู่น่ารักมาก
สมัยก่อนถูกสร้างไว้เพื่อให้เพื่อนบ้านเดินผ่านได้โดยไม่โดนฝน
แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว ส่วนมากก็เอาต้นไม้มาวางกั้นไว้



เดินเล่นจนขาลาก แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกเยอะมาก เลยไปหาคาเฟ่นั่งดีกว่า

(7) The Tent
เอาล่ะ ร้านสุดท้ายที่อยู่ในลิสต์ว่าจะต้องมาโดนแล้ว
เย็นแล้ว แวะมาพักขาก็จริง แต่ไม่พักพุงกันเลย  เราเห็นร้านนี้น่ารักเพราะมีเต้นท์
แต่พอมาใช้บริการจริง ๆ กลับเป็นพี่ในร้านก็น่ารักมากเหมือนกัน
ให้บริการดี เป็นกันเองมาก แถมมีการกลัวเราจะรอโทสต์นานเลยมาถ่ายรูปคู่ให้ด้วย

แสงจะหมดแล้ว

การตกแต่งร้านน่ารักมาก

ขนมอร่อย แต่ติดหวานม๊ากกไปหน่อยนึง แต่ดีน้าา

สั่งเครื่องดื่มซ่า ๆ มาให้ชุ่มคอ

โต๊ะฝั่งที่เรานั่งจะมีเต้นท์อยู่ เหมาะกับกลุ่มที่มาคนน้อย ๆ หรือแค่ 2 คน
ถ้ามากันเยอะหน่อย ก็มีฝั่งที่เป็นโต๊ะธรรมดาให้นั่ง

นั่งพักได้ประมาณนึงก็วางแผนจะเดินทางกลับไปสนามบินแล้ว จ่ายเงินแล้วก็ไปกัน

พอมาถึงใกล้ ๆ สนามบิน กลายเป็นว่าเวลายังเหลืออีก ยังไม่ถึงเวลานัดคืนรถ
ก็เลยหาคาเฟ่ใกล้ ๆ สนามบินนั่งอีกซักที่นึง มาเจอกับคาเฟ่น่ารักในซอยแถว ๆ สนามบิน

(8) Sea Calm Cafe & Bistro
เป็นร้านน่ารัก ๆ เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่หน้าโรงแรม Perennial Resort ตอนนี้มืดแล้ว ไม่ค่อยมีคนแล้วด้วย
มาถึงก็ยังไม่หยุดกิน ตอนนี้น้ำตาลในเลือดสูงมากแล้วว้อยยย ทั้งเครื่องดื่ม ทั้งอาหาร
สั่งมาให้หมด ไม่หวั่นแม้วันกินมาก 

ขนาดร้านกะทัดรัดมาก มีที่นั่งไม่ค่อยเยอะ

มีเมนูคาวหวานให้สั่งได้

เลือกนั่งฝั่งโซฟา หรือโต๊ะธรรมดาก็ได้เลย

ชอบมุมนี้มาก ฟีลแบบฝัน ๆ แฟรี่เทล

เราสั่งน้ำแก้วนึงกับขนมขบเคี้ยว เฟร้นฟราย นักเก็ต  ที่ร้านก็มีเค้กให้สั่งด้วย

การตกแต่งเหมือนในนิทานอะไรงี้ หญ้า ๆ ฝัน ๆ น่ารักดี

ทีนี้ก็ใกล้เวลาจริง ๆ แล้ว เราก็มุ่งหน้าไปเติมน้ำมัน ก่อนไปสนามบินกัน คืนรถให้เรียบร้อย
และก็เข้าไปในสนามบินเพื่อรอเวลากลับบ้าน เย่! 

BYE BYE 

Comments

Popular posts from this blog

KIX04 Kansai เดินทางยังไงอ่า

LHONG 1919 (ล้ง 1919)

KIX03 How to get discount for USJ ticket