MACAU X MAROON 5
M A C A U X M A R O O N 5
เปิดปี 2019 อย่างสโลว์ไลฟ์ด้วยเมืองแห่งการเสี่ยงดวง
เมืองแห่งการเสียเงิน เมืองแห่งการเดิน
เมืองแห่งพิพิธภัณฑ์และอารยธรรมจากอดีต
ประมวลสถานที่ที่ไปเที่ยวในทริปนี้
DAY 1
🏨 The Venetian
🏢 Historical Museum of Coloane and Taipa
⛪ Pak Tai Temple
🥣 Wong Chi Kei (Taipa)
🥣 Lord Stow's Bakery (Taipa)
⛪ Our Lady of Carmel Church
🏢 Taipa Houses and Museum
🏨 Galaxy Macau
🥣 Imperial House Dim Sum
🏩 Asia
Boutique Inn
DAY 2
⛲ Senado Square
⛪ St. Dominic's Church
🏢 Macau Tower
⛪ A-Ma Temple
🏡 Coloane Village
🥣 Lord Stow's Cafe (Coloane)
🏨 Studio City
💫 MAROON 5 RED PILLS BLUE CONCERT (Cotai Arena)
🥣 Imperial House Dim Sum
DAY 3
⛪ Ruins of St. Paul's
🏢 Monte Forte & Macau Museum
🏢 Municipal Affairs Bureau
⛪ Wall of Macau & Na Tcha Temple
🏢 Love Lane
🥣 Lai Kei Sorvetes
🏢 Guia Lighthouse
🏢 Macau Fisherman's Wharf
🏨 Wynn Hotel
🥣 Chan Kong Kei Roast
Duck
⛪ Ruins of St. Pauls
(night)
จริง ๆ จุดประสงค์หลักที่เราเดินทางมามาเก๊า คือการมาตามดูพี่อดัม
ในคอนเสิร์ต Maroon 5 Red Pills Blue Tour 2019
เพราะประสบการณ์ในการแย่งชิงบัตรคอนครั้งก่อนมันสอนเราเอาไว้
อย่าไปพูดถึงเรื่องที่พี่อดัมดูจะเป็นขาลงหรืออะไรก็ตาม
ตามกระแสข่าวในช่วงนี้ของพี่แกเลยนะ เพราะยังไงเพลงของแก
ก็ยังเป็นเพลงที่เปิดที่ไหนก็ต้องมีคนร้องหรือฮัมตามได้มากกว่าครึ่ง
เราเดินทางด้วยเพื่อนรักพลังพิศดารเจ้าเดิม แอร์เอเชียเอ็กซ์
พร้อมกดบัตรคอนเสิร์ตและจ่ายตังอย่างเร็วไวประหนึ่งการเดินทางของแสง
พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นตอนที่เรากำลังออกเดินทาง
ก่อนจะเดินทางมามาเก๊า เราไม่ค่อยได้ศึกษาอะไรแบบตั้งใจเท่าไหร่
ได้แต่แชร์กระทู้เอาไว้แล้วอ่านผ่าน ๆ คร่าว ๆ ดูที่เที่ยวแล้วจด ๆ
ไม่ได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนหรือเดินทางยังไง จนกระทั่ง
จนกระทั่งงง จนกระทั่งงงงงงงง สัปดาห์สุดท้ายก่อนเดินทาง
ต้องขอบคุณความเล็กกะทัดรัดของมาเก๊า ที่ทำให้การเตรียมตัวนั้นง่ายดาย
จากที่เรามาร์คไว้แล้วว่าจะไปไหนบ้าง ซึ่งเยอะมาก ตามคนอื่นอ่ะแหละ
ก็มาเกลานิดหน่อยเพราะไปกับเพื่อนอีก 2 คน
จัดให้แมชท์กัน ให้พอดี แล้วยังต้องพ่วงกับการเดินทางด้วย
เพราะเรากับเพื่อนพักคนละฝั่งกัน
แง คิดถึงเรื่องการจองที่พักแล้วเศร้า เศร้าแบบขำ
วันที่ต้องจองที่พัก คือเพื่อนเป็นคนหามา แล้วที่มันเหลือน้อยแล้ว
เราที่กำลังไปกินข้าวกับที่บ้าน กินแบบสบายใจ กินแบบไม่ต้องห่วงอะไร
เพื่อนก็ทักมา บอกว่าให้จองที่พัก จองเร็วแก จองเดี๋ยวเน้ อ๊ากก ๆ
อันนี้จริง ๆ เว่อเอง 55555555 แต่มีความล่กมากเพราะกลัวไม่ได้
เพื่อนบอกว่าจะจองที่นี่เพราะอยู่ใกล้โรงแรมที่เราต้องไปดูคอนเสิร์ต
ถ้าดูจบแล้วเดินกลับมานอนจะได้ชิว ๆ ไม่ต้องกังวลอะไรมาก
เราก็เออ โอเค ดีล เข้าไปในแอพ Expedia และทำการจอง
แล้วมันก็มีความแบบ เห้ย ได้ ไม่ได้ อะไรยังไง บัตรเด้ง ห้องเต็ม
แต่สุดท้ายเราก็ได้มา แต่เพื่อนไม่ได้จ้า แงแง และมันก็ขึ้นว่าเต็ม จองไม่ได้แล้ว
อ่ะ พอละ เริ่มต้นทริปด้วยความอลหม่านทู้กที
จริง ๆ มันก็เป็นเพราะความเด๋อของเราเอง 55555555555
ไปมาเก๊ากันดีกว่า
เริ่มต้นกันด้วยสเต็ปเดิม ขับรถไปจอดที่สนามบิน ใช้บริการ Valet Parking
ฝากกุญแจ ลากกระเป๋าเข้าไปตามหาอาหารรับประทาน
รอบนี้เราอยากเล่นตู้ Self check-in เลยเอา QR code ที่ได้มา
ไปสแกนที่ตู้เพื่อปริ้นตั๋วออกมา เพราะจริง ๆ check-in มาแล้ว
ปริ้นออกมาทั้งขาไปและขากลับ จากนั้นก็ไปหาอะไรกินกัน
ตอนนี้เราชะล่าใจนิดหน่อย เพราะว่าคิดว่าเวลาจะเหลือเยอะ
ก็เลยกินข้าวเช้าแบบมื้อใหญ่ที่ KIN แต่สุดท้ายก็กินไม่หมด
ต้องรีบวิ่งไปเข้าเกทเพราะกลัวไปไม่ทัน ดีนะที่ยังทันอยู่แบบหวุดหวิด
Final Call จ้ะแม่ เข้าแถวอยู่ ไม่ต้องห่วงนะะ
แต่คุณคิดว่าจะจบแค่นั้นใช่มั้ยคะ ตอนที่มารอเข้าเกทเพื่อไปขึ้นบัส
พนักงานที่ฉีกตั๋วโดยสารขอดูตั๋วทั้งขาไปและขากลับ ทั้งเราและพี่เจ
แล้วเราก็แบบ เอ้า ๆๆ ทำไมอ่ะ แล้วก็ต้องรีบหยิบออกมาจากกระเป๋า
พนักงานดูและฉีกให้ จากนั้นเราก็เดินมาขึ้นบัสปกติ เก็บตั๋วขากลับเข้ากระเป๋าไป
พอทุกคนขึ้นมาบนบัสหมดแล้ว รถก็ยังไม่ยอมออกซักที
แล้วก็มีพนักงานเดินขึ้นมาบนรถ ถามหาพี่เจ แล้วก็ขอดูตั๋วอีกใบที่เก็บไป
กลายเป็นว่า พนักงานฉีกตั๋วให้ผิดใบ ฉีกขากลับทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้ไปเลยแง๊
เราก็แบบ ทบทวนตัวเองหนักมากว่าเป็นคนหยิบให้พี่เจผิดแต่แรกหรือเปล่า
แต่มันจะผิดได้ยังไงเพราะต้องสแกนตั๋วตอนที่เข้า ตม. ถ้าผิดก็ต้องโดนทักแล้ว
พนักงานก็เอาตั๋วที่ฉีกผิดแม็กกลับมาแล้วเอามาคืน
ดีนะที่เราปริ้น boarding pass แบบ A4 มาด้วย จะได้ใช้ตอนขากลับ
ยังไม่ทันได้ขึ้นเครื่องเลยอ่ะ เนื้อหาก็เยอะมากจนอ่านต่อไม่ไหวแล้ว 555555
อ่ะ ตัดภาพมา ขึ้นเครื่อง นอนหลับ ผ่านไป 2 ชั่วโมงหน่อย ๆ ถึงแล้ว
ลงมาจากเครื่อง ต่อแถวเข้า ตม. เจ้าหน้าที่หน้าโหดมาก
🙋♀🙋♂🙋♀🙋♂🙋♀🙋♂🙋♀🙋♂🙋♀🙋♂
มาถึงจุดที่จะต้องชาเล้นจ์ตัวเอง ในการตามหารถบัสฟรีของโรงแรม The Venetian
แต่มันไม่ยากอย่างที่คิดค่ะคุณ เรามาถึงประมาณ 11 โมงละ
เดินออกมาจาก ตม. ตรงมาเรื่อย ๆ จะเจอทางออกจากสนามบิน
เราต้องเลี้ยวขวาเพื่อออกไปทางที่รถบัสจอดรออยู่ รถของเวเนเชี่ยนจะเป็นสีน้ำเงิน
เดินไปที่รถ ยื่นกระเป๋าให้พนักงานที่รออยู่เพื่อเก็บลงใต้รถ และขึ้นไปนั่ง
รถเต็มก็ออก ไม่ต้องรอนานเพราะคนขึ้นเยอะมาก
(ส่วนของโรงแรมอื่น ๆ ก็อยู่ที่เดียวกัน อ่านชื่อโรงแรมบนตัวรถเอานะ)
สระบุรีเลี้ยวขวา แม่นแล่วไปโล้ดดด อันนี้ถ่ายตอนเลี้ยวเลยมาแล้ว
ถ้าเจอลานจอดรถก็เจอแล้วแหละ แต่ตอนนั้นรีบขึ้น เลยลืมถ่ายบัสมา
รถที่นี่ขับเร็วมาก มากแบบไม่น่าเชื่อว่ารถเมล์มันลิมิตความเร็วที่ไม่เกิน 50 กม./ชม.
แบบถ้าเกินก็จะมีเสียงเตือนดังขึ้นมา ติ๊ดๆๆๆๆ แต่หัวนี่เหวี่ยงไป 360 องศา
นั่งมาครู่เดียว กะพริบตา 3 ทีก็มาถึง The Venetian แล้ว
ระหว่างทางและรอบ ๆ ก็จะมีโรงแรมนั่นนี่ บลา ๆ รายล้อมอยู่ละลานตา
รถบัสมาจอดหน้าโรงแรมและเอากระเป๋าของทุกคนลงมาวางข้าง ๆ ให้หยิบกันไป
อ่ะ สีน้ำเงินนี้นะคะทุกคน
คนที่จะขึ้นรถกลับไปสนามบินก็จะเข้าแถวรออยู่อย่างเป็นระเบียบ
ทีนี้แหละ เราจะต้องออกจากที่นี่เพื่อเดินไปที่พักที่อยู่ไม่ไกลมาก ยังไง
ยังไง อ๊ากกกก ประเด็นคือไม่สามารถเดินออกไปทางถนนหน้าโรงแรมได้
มีป้ายติดไว้ว่า ไม่อนุญาตให้เดินทางนี้ เลยต้องตัดสินใจเข้าโรงแรมไป
- และถือเป็น strategy ที่สุดยอดมาก ตรงที่จะไปไหนก็ต้องเดินผ่านคาสิโน
ใช่ค่ะ หลายคนคงทราบว่า กิจกรรมหลักในการมามาเก๊าคือการมาคาสิโน
มันหวือหวา มันตื่นตาตื่นใจ แต่เราไม่ใช่สายเสี่ยง ก็เลยขอผ่านไป
จริง ๆ อยากลองเล่นสล็อต แต่ว่ามันต้องไปแลกบัตรมาเสียบ
ไม่สามารถหยอดเงินลงไปแล้วเล่นได้ ก็เลยไม่เอา ยากเกิน ไม่ลอง -
The Venetian
สีภายในก็จะมีความทองมาก สวยงาม
ภาพวาดด้านบนตรงโถงกลางของลอบบี้
เราเปิด google maps และเดินตามทางไปเรื่อย ๆ แต่หาไม่เจอ วนไปวนมาเล็กน้อย
แต่ไม่ซีเรียส เพราะพอมีเวลา ก็เลยเดินทางไปเรื่อย ๆ แล้วก็เจอทางออก
เป็นด้านหลังของโรงแรม มีรถบัสจอดอยู่เพื่อรอรับผู้โดยสารไปยังจุดจอดต่าง ๆ
เราเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ข้ามถนน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดินหน้าถอยหลัง
พาพนักงานลากกระเป๋ามาด้วย 💘
มาถึงที่พักแล้วจ้า เราเข้าไปฝากกระเป๋า และออกไปเที่ยวก่อน
เพราะสามารถเช็คอินได้จริง ๆ ตอนบ่าย 2 โมง โอเค
ที่พักที่เราแย่งเพื่อนจองมาชื่อ Asia Boutique Inn ตั้งอยู่ฝั่งไทปา หาไม่ยาก
มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าที่พัก สามารถนั่งไปฝั่งมาเก๊าได้แบบชิว ๆ
(1) Historical Museum of Coloane and Taipa
เป็นการเดินมาเจอแบบเด๋อ ๆ ถ่ายรูปกำแพงข้างนอก แล้วไม่รู้ว่าถึงแล้ว
และเดินเลยไปจนเจอวัดปักไท่ แต่ก็ไม่รู้ว่านั่นคือวัดปักไท่อีก
เลยเปิดแมพเดินกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ และเจอป้ายแทบทิ่มหัว
เลยเดินเข้าไป ข้างในห้ามถ่ายรูป แต่ก็เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
ลองมาดูกันได้ มีอยู่ 2 ชั้น ประมาณ 4 ห้องใหญ่ ๆ
มายืนถ่ายรูปกับกำแพงโดยที่ไม่รู้ว่าถึงแล้ว
บอกตรง ๆ ว่ามองป้ายไม่เห็น เพราะอยู่สูงเกิน
(2) Pak Tai Temple
ออกมาจากพิพิธภัณฑ์แล้วเดินกลับมาตรงที่เดิม แต่ไม่มีคนเลยอ่ะ
เดินเข้าไปด้านในแล้วมีคนนั่งอยู่คนนึง เจอสิ่งที่อะเมซิ่งมากคือ ธูป
ธูปที่เป็นเกลียว ที่ไม่รู้จุดแล้วจะหมดวันไหน และโดนขี้ธูปร่วงใส่หัวไป 1 ที
หน้าวัด ไม่มีคนเลย
ข้างใน แอบดูน่ากลัวแบบขลัง ๆ นิดนึง
ธูปอินฟินิตี้
จากนั้นพยายามหาซื้อ Macau Pass ในเซเว่นที่ใกล้ที่พักที่สุด แต่หมด
หาอะไรกินกันดีกว่า เนื่องจากที่พักเราอยู่ใกล้ Taipa Food Street
เราก็เลยเดินมาที่นี่เพื่อฝากท้อง พอเดินมาถึงก็ระลึกได้ว่าเคยดูในเทยเที่ยวไทย
เดินวนแบบง่อย และมาหยุดที่ร้านนึงที่ดูสะอาดน่าเข้า
คนเยอะมากกกกกกกกกกก หิวเหรอ
(3) Wong Chi Kei (Taipa)
เข้ามาตรงเค้าท์เตอร์ บอกว่ามา 2 คน ได้เลขโต๊ะมาก็ขึ้นไปข้างบนเลย
มารู้ตอนหลังว่าเป็นร้านดังต้องโดน ว้าววว เราสั่งบะหมี่กัน
ชามดูเล็ก แต่ได้เยอะอ่ะ อิ่มอยู่นะ น้ำซุปก็อร่อยดีด้วย
ชื่อร้านอ่านว่ายังไง บอกหน่อย
พี่เจเกี๊ยวกุ้ง ป่านหมู ไม่ใช่อาหารนะ ตัวกูเนี้ย!
ค่าเสียหายสำหรับบะหมี่ 2 ชามน้ำฟรี 86 MOP(4) Lord Stow's Bakery (Taipa)
กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ ไม่อยากเป็นไพร่ค่ะ อยากเป็นทาสในเรือนเบี้ย
รอบแรกที่ผ่านยังเห็นคนน้อยอยู่เลย พอกินบะหมี่ออกมาทำไมคนเยอะ
ก็เลยลองไปต่อแถวแบบแมส ๆ คนส่วนใหญ่น่าจะซื้อแค่ทาร์ตแถวก็เลยไว
พอไปถึงก็สั่งทาร์ตไข่ 2 ชิ้นค่ะ จ่ายเงินไป 20 MOP อย่าลืมถ่ายรูป
ต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ
อย่าลืมถ่ายรูป ไม่งั้นต้องไปแคปมาจากสตอรี่แบบเรา
จากนั้นเข้าไป check in เพราะบ่าย 2 แล้ว ต้องจ่ายค่ามัดจำที่พัก 500 MOP
หน้ามืดเลย รู้สึกเหมือนเคยอ่านในเว็บที่คอนเฟิมที่พักแล้วแหละ แต่ลืม
ขึ้นไปชาร์จแบตโทรศัพท์ พักผ่อนตามอัธยาศัย และเก็บของเล็กน้อย
ขอที่นอนหน่อยจ้า
(5) Our Lady of Carmel Church
เปิดดูแมพและเดินตามอย่างเคย และมาถึงอย่างเร็วไว เพราะใกล้มาก
โบสถ์อยู่ตรงหัวมุม สามารถถ่ายรูปด้านนอกได้แต่เข้าข้างในไม่ได้
มองไปตรงนั้น ยังไม่รู้เลยว่าคือโบสถ์ที่จะไป 55555
ด้านหน้าโบสถ์ /วันนี้ท้องฟ้าครึ้มมาก เสียใจ
ตรงนี้ยืนถ่ายรูปยากมาก เพราะทางค่อนข้างแคบ และอยู่ตรงถนน
ซึ่งอย่างที่บอกว่ารถขับเร็วมาก แถมถ้าขวางทางก็โดนบีบแตรด้วย
แต่ถ้ามีคนกำลังจะข้ามถนน ก็จะชะลอแบบไม่มีทางชนแน่นอนอ่ะ ย้อนแย้งม้ะ
Carmel Garden
อันนี้เดินผ่านไปแบบเฉย เพราะไม่มีอะไรเท่าไหร่ คือสวนสาธารณะที่แท้
(6) Taipa Houses and Museum
จากโบสถ์ จะมีบันไดทางด้านขวาให้ลงมาเจอกับพิพิธภัณฑ์และ gallery ภาพวาด
เราก็เข้าชม บางหลังให้ถ่ายภาพได้ บางหลังไม่ได้ ก็ตามนั้น
ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์จะเข้าได้ครั้งละไม่เกิน 15 คน เพราะบ้านเล็ก
อย่างที่บอกว่าถ่ายด้านในไม่ได้ เราก็มาถ่ายด้านหลังแทน
Gallery ที่เข้าไปถ่ายรูปได้
อันนี้เป็นลานตรงหน้าพิพิธภัณฑ์ กำลังมีน้องลูกเสือมาเข้าค่าย
ฉากข้างหลังที่เห็นคือไม่ได้ถ่ายเบิร์นนะ แต่มันเป็นเหมือนหมอกฝุ่นอ่ะ
เมืองเลยหายไปเลย แบบดูฝุ่น ๆ ฟุ้ง ๆ หมอก ๆ
อยากเดินไปอันนั้น น่าจะอยู่แถว ๆ โซนโรงแรมเยอะ ๆ
บวกกับอยากไปกินร้าน Red ที่โรงแรม Wynn ตามรอยเสือร้องไห้
เพิ่งดูคลิปมาหมาด ๆ เลย ดูไป 18 รอบเลยแหละแกรรรร
(7) Galaxy Macau
เราเดินไปที่โรงแรม Galaxy ก่อนเพื่อเดินเล่น เหรอ น่าจะเดินเล่นแหละ
หรืออาจจะพยายามไปหาอะไรกิน จำไม่ค่อยได้แล้วอ่ะ
น่าจะเข้ามาเดินเล่นแหละ เจอหมูทองต้อนรับปีหมู เฮง ๆๆ
ว่าจะลองจกทองไปซักหน่อย ไม่ได้อ่ะ หนักไป ว้า
จากนั้นถึงเดินมาทางโซนโรงแรมเยอะ ๆ แล้วก็พบว่าสะพานสวย ๆ ที่ว่า
คือ sky walk วงเวียน ตรงแถว ๆ โรงแรมนั่นแหละ ก็ดูสวยมีระเบียบจริง
และพบความจริงอีกอย่างที่ทำให้ความเศร้ามาปกคลุมหัวใจและความเมื่อย
ร้าน Red อยู่โรงแรม Wynn ฝั่งมาเก๊า แต่เราอยู่ไทปาแก ไทปาาาาาาาา!!
ตอนนั้นมืดแปดด้านมาก ว่าจะกินอะไรกันดี ก็เลยนั่งพักที่วงเวียน
และเสิชไปเรื่อย ๆ ว่ากินอะไร กินอะไร กินอะไร แง กินอะไรดี
จนตัดสินใจว่าจะไปกินติ่มซำ เพราะพี่เจอยากกินติ่มซำ ส่วนเราอะไรก็ได้ หิว
เราเริ่มเสิชหาร้านติ่มซำอีกครั้ง แล้วก็ไปเจอร้าน Imperial House Dim Sum
ที่ตั้งอยู่ในโรงแรม The Venetian ที่เราคุ้นเคย ไปกัน!
(8) Imperial House Dim Sum
มาถึงแล้ว ร้านคือดูหรู แต่ลองเสิชราคาแล้วรับได้เลยเข้าไป
เราสั่งมา 5 อย่างและชาร้อนจัสมินที่ตอนแรกคิดว่าฟรี แต่เปล่า
ชาร้อนถ้วยละ 10 MOP แต่ refill ให้ 👌
หน้าร้านที่ดูโอ่อ่า
ขนมจีบหมูกุ้ง/เกี๊ยวกุ้งทอด/ซาลาเปาหมูบาบีคิว/
เส้นแป้งม้วนราดซอส/ขนมผักกาด
กินขนมผักกาดเหลือเยอะมาก แทบไม่ได้กินเลยแหละ
รสชาติไม่ได้จริง ๆ อ่ะ แง ไม่ถูกจริตน้อง
ราคารวมทั้งมื้อ 272 MOP
ออกมาจากร้าน กำลังจะเดินกลับละ เหลือไปเห็นตู้ถ่ายรูป
ตั้งอยู่ข้าง ๆ ร้านติ่มซำ มีความกรีนสกรีนมาก ขำ
เลือกแบคกราว ถ่ายรูป และเลือกและถ่ายจนกว่าจะพอใจ
และสามารถส่งรูปมายังอีเมลของเราได้ ส่งได้ครั้งละ 2 อีเมล
และนี่คือรูปที่ได้มาเว่ยแก 5555555555555 กรีนเว่อ
- เรื่องนึงที่ประทับใจมากกับการมามาเก๊าคือ มี Wi-Fi แทรกอยู่ทุกที่
แทบจะแทรกในโมเลกุลอากาศอ่ะแก สามารถต่อได้ไม่ว่าจะ
บนรถเมล์ ในห้องน้ำ สนามบิน มิวเซียม โรงแรม อู้หูยยยย
ซื้อซิมมาทำไมมมมม 55555555
แต่สิ่งสำคัญก็คือบางเจ้ามันต้องล็อคอิน บางเจ้าต้องกดยอมรับเงื่อนไข
และสามารถต่อได้ครั้งละ 20 - 30 นาที หรืออาจจะ 60 นาทีได้ -
หลังจากกินเสร็จ ความตั้งใจที่จะเดินดูไฟและการแสดงน้ำพุก็มลายสิ้น
แต่ก็เดินเล่นข้างใน Venetian นะ เพราะมันมีเรือ Gondola ที่ปิดบริการวันนี้!
อะไรฟระะะะ ทำไมมมมม เลยถ่ายรูปเฉย ๆ อิหยังวะะะะ
ท้องฟ้าที่ไม่มีวันมืด กับเรือกอนโดล่าที่ไม่มีคนพาย
ในน้ำมีคนโยนเหรียญลงไปเยอะมาก โยนทำไมอ่ะ
แต่มันดันสวยเหมือนดาวบนท้องฟ้าอ่ะ ถ้าลงไปเก็บน่าจะรวย
เจอตู้กาชาปอง ผีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเลยเข้าสิง อยากหยอด
แต่เค้าให้ใช้เหรียญฮ่องกงโอนลี่ โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่มาซ่อมตู้
เลยขอแลกเหรียญ MOP เป็น HKD ได้มาก็หยอดๆๆ
และพาสังขารกลับไปที่พักเพื่อนอนนนนนน นอนโว้ยยยยยย
Asia Boutique Inn
พูดถึงโรงแรมซักเล็กน้อย ตอนแรกเรากดความต้องการมาว่า
เตียงคู่ ควีนไซส์ ห้องปลอดบุหรี่ แต่ไม่ได้อะไรเลย 555555555555
คือไม่รู้ว่าห้องมันปลอดบุหรี่มั้ยนะ แต่มีกลิ่นอ่ะ เปิดมานี่พุ่งเข้าหน้าเลย
ภาพรวมของห้องก็ขนาดกะทัดรัด ห้องน้ำไม่มีที่ฉีดตูดดดดดดด
จริง ๆ ข้างนอกก็ไม่มี ไม่มีเลยซักที่ ดีนะที่พกทิชชู่เปียก
ไฟที่ใช้ 220 โวลต์เท่าบ้านเรา แต่ขาปลั๊กต่างกันเล็กน้อย
ก็พกปลั๊กสามตามาด้วยก็ดี เผื่อจะได้เจอรูที่คุ้นเคย
ตู้เสื้อผ้า แก้วน้ำ น้ำเปล่า ไดร์ ทีวี ชา หมวกอาบน้ำ แปรงและยาสีฟัน หวี
ห้องน้ำก็มีสบู่ ยาสระผมให้ ผ้าขนหนูผืนเล็กใหญ่
โลน่ารักหรือเราน่ารักกันน้าาา อิอิ
(อันนี้บรรยากาศเหรอ ถามเจรงงงงงงงงงงง)
(ทิวทัศน์ 2)
บนตู้หรือกำแพงส่วนมากจะถูกแปลงเป็นงานศิลปะหมดเลย
อย่างกำแพงข้างหลังรูปนี้ ก็มีคนแกะให้เป็นเหมือนรูปสลักเป็นหน้าคน
วันนี้นัดเจอกับเพื่อนเพื่อไปเที่ยวด้วยกัน เพราะเพื่อนเดินทางมาถึงทีหลัง
แต่เช้าที่สดใสที่หวังเอาไว้ ก็ไม่เป็นดั่งใจหวัง เพราะฝนเทลงมา เทลงมา เทลงมา
จริง ๆ ก็ดูพยากรณ์มาแล้วแหละว่าฝนจะตก แต่พอมาเจอจริง ๆ มันก็เฟล
ตอนแรกนัดกับเพื่อนไว้ 8.30 น. แต่ไม่สามารถออกจากที่พักได้จริง ๆ
เลยต้องเลื่อนไปก่อน และนอนต่อ จนกระทั่งประมาณ 10 โมงกว่า ๆ
ฝนดูท่าจะหยุดแล้ว เลยออกมาข้างนอกเพื่อหาอะไรกิน
เป็นอาหารสไตล์ quick breakfast
ดูขายอะไรง่าย ๆ เลยลองไปสั่งดู คนที่นี่ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกัน
ต่อให้เจอคนที่พูดภาษาจีนไม่ได้ ก็จะพูดภาษาจีนใส่อยู่ดี
ทำให้การสั่งอาหารค่อนข้างมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เราจะต้องได้กินน!!
เราสั่งแซนวิชไข่ 2 ชิ้น เพิ่มแฮมทั้ง 2 ชิ้น แต่คนขายเข้าใจว่า
ต้องการแซนวิชอ่ะอันเดียว แล้วใส่แฮมเพิ่มให้ 2 อัน
ที่รู้เพราะเค้าคีย์บิลมาให้แบบนั้น เราบอกไม่ใช่ ๆ เอาแบบ 2 อันเหมือนกัน
กว่าจะได้มา คอแทบแห้ง 555555555
กินเสร็จก็ไปนั่งรถเมล์ ข้ามฝั่งกัน ข้ามฝั่งกันนนน
ตอนแรกคิดว่าจะนาน ที่ไหนได้ กะพริบตาแบบตายังไม่ทันปิดอ่ะ ถึงแล้ว
ค่ารถโดยทั่วไปจะราคาคงที่ที่ 6 MOP ต่อคน ถ้าใช้ Macau pass จะเหลือ 3 MOP
คนมาเก๊าส่วนใหญ่ก็ใช้หมดเลย ถูกและดีและสะดวก
ส่วนรถเมล์บางสายก็จะมีราคาตามระยะทางด้วย แต่เราไม่เจอ
- รถเมล์ของที่นี่ต้องขึ้นด้านหน้า เพื่อจ่ายเงินได้ 2 วิธี คือ
แตะบัตรกับแท่นหรือหยอดเหรียญตามจำนวนเงิน
คนขับจะสังเกตว่าใครขึ้นมา จ่ายเงินหรือยัง เงินกับจำนวนเงินตรงกันมั้ย
เป็นทักษะที่ต้องสั่งสมมาอ่ะ ไม่ใช่ใครก็ทำได้นะเธอ
ส่วนใครที่มีเงินไม่พอดีแล้วต้องจ่ายแบบหยอด ก็ต้องยอมรับชะตากรรมไป
ส่วนเรา เตรียมพร้อมมาก ขาดเหรียญเมื่อไหร่ก็ต้องไปหาเติม -
Ⓐ ประตูทางขึ้น ขึ้นด้านหน้าเท่านั้น (ลงประตูหลัง)
Ⓑ แท่นสำหรับแตะ Macau pass
Ⓒ ช่องสำหรับหยอดเหรียญค่าโดยสาร
Ⓓ ป้าย LED ที่คอยบอกป้าย และความเร็วในการขับขี่
ถ้ามีคนจะลงป้ายหน้า กดออดแล้ว STOP จะโชว์บนจอ
Ⓔ Bus-Free-Wifi เป็นของรัฐบาล
Ⓕ ออดกดเพื่อลง ถ้ามีคนกดแล้วก็ไม่ต้องกดอีก
(1) Senado Square
Senado Square ของที่นี่ถ้าเทียบกับบ้านเราก็คงเหมือนสยาม
แบบใจกลางความแฟชั่น ความช้อปปิ้ง ความเดินเล่น ความไม่มีอะไรทำแล้วก็มา
เรานัดเจอกับเพื่อนที่นี่ แล้วฝนก็ตกลงมาอีกทำให้เราต้องตัดสินใจซื้อร่ม
ซึ่งร้านร่มเหมือนพอเห็นฝนตกก็รีบวิ่งออกจากบ้านมาเพื่อมาขายร่มอ่ะ
เพราะร้านอื่นยังไม่เปิดเลย แบบเงียบมาก คนก็น้อย
จริง ๆ วันนี้ไม่ได้ถ่ายรูป Senado เลยเพราะฝนตก เลยแอบเอารูปพรุ่งนี้มาแปะ
(2) St. Dominic's Church
โบสถ์เซนต์ดอมินิกจะตั้งอยู่ใจกลาง Senado Square เลย
เข้าไปด้านในจากทางซ้าย ชั้นล่างก็เป็นโบสถ์ที่ยังมีคนเข้าไปภาวนาอยู่
แต่ไม่แน่ใจว่ายังมีมิสซาอยู่มั้ย ตัวโบสถ์ค่อนข้างกว้าง และสวยงาม
เดินเข้าไปด้านในสุดจะมีทางขึ้นด้านบนอยู่ทางขวา
ตั้งตระหง่านอยู่ หาง่าย เปิด 10 โมง
👼
เราก็เดินเข้าไปชมกัน สวยงามตามท้องเรื่อง
ขึ้นไปด้านบนสุด เราอ่านป้ายและเจอว่า สามารถรองรับน้ำหนักได้แค่ 10 คนเท่านั้น
คนอื่นจะอ่านมั้ยอ่ะ ตอนพี่เจเดินคือเสียงแบบเอี๊ยดอ๊าดมาก
พอคนเริ่มขึ้นมาเยอะ เราก็รีบลงไปก่อนที่จะมีคนมากกว่า 10 คน
✝
🙏
ออกมาจากโบสถ์ก็รู้สึกหิว เลยเดินไปหาอะไรกินเล่นนิดหน่อย
เจอเข้ากับอาหารที่เห็นคนกินเยอะมาก แบบเลือกส่วนผสมไม้ ๆ
ไปต้มรวมกัน แล้วเอาใส่กับซุปเนื้อวัว ซึ่งสั่งยากมาก เพราะไม่เคยรู้ไง
เลือกร้านที่มีคนน้อยสุดเพราะไม่อยากรอนาน
วิธีการคือ เราก็เลือกไอไม้ ๆ ที่เราอยากกินก่อน แล้วก็เลือกว่า
จะเอาซุปเนื้อวัวขนาดเท่าไหร่ เล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อนก็อ่ะ กลาง ๆ ไว้ก่อนเราก็ตาม
ปรากฏว่าเยอะมาก มากแบบร้องไห้ 55555555555555 บ้าบอ
แล้วก็กินไม่หมดด้วย เหลือเนื้อวัวและเครื่องในเอาไว้
รสชาติมันแบบฟิวชั่น งง ๆ 🥙🌮🌯🥗
อีกอย่างที่ต้องห้ามพลาดก็คือชานมไข่มุกอ่ะ ซึ่งสั่งไม่เป็น
พี่เจไปสั่งแล้วไม่รู้ว่ามันต้องพูดถึงไข่มุกด้วยถ้าจะเอา
สรุปได้แบบไม่มีไข่มุกมาด้วยราคา 20 MOP
ร้านอยู่ติดซุปเนื้อที่เรากินเนี่ยแหละ เห็นเป็นยี่ห้อยอดฮิตด้วย Gong Cha อ่ะ
ไปต่อกันดีกว่า ตอนแรกว่าจะไป Guia Lighthouse แต่เพราะฝนตกแพลนนี้ก็เลยต้องตกไป
(3) Macau Tower
เรานั่งรถเมล์จากด้านหลังของ Senado Square มาลงที่หน้า Macau Tower เลย
การจะเข้าไปในอาคารนี้ได้จะต้องมีบัตรเพื่อเข้าชมก่อน เราซื้อจาก Klook มาแล้ว
ลดราคาอยู่ด้วย ก็เลยกดเลย จากนั้นเอา voucher ไปแลกตั๋วที่หน้าเค้าท์เตอร์
เราก็จะได้ตั๋วมา พร้อมขึ้นไปด้านบนกัน ตั๋วนี้จะเข้าได้แค่ 2 ชั้นคือชั้น 58 และ 61
เค้าท์เตอร์แลกตั๋ว
ได้บัตรมาแล้ว ไปจ้า
ลิฟต์ของที่นี่จะสามารถมองเห็นข้างนอกได้จากประตูลิฟต์ ซึ่งน้องกลัวมาก แง้
แต่ไม่ได้มองเห็นตลอดนะ จะเห็นเป็นช่วง ๆ แว้บ ๆ ให้แสงลอดเข้ามาบ้าง
มาถึงชั้น 58 จะเป็นจุดชมวิว ที่มีกระจกที่สามารถมองลงไปเห็นข้างล่างได้
เรากลัวความสูงมาก แค่ลิฟต์เมื่อกี้ก็ขาสั่นไปหมด แล้วก็พยายามคิดตลอดว่า
มันปลอดภัย มันไม่น่ากลัว มันเดินไปบนกระจกได้ แล้วทำใจอยู่นานมาก
แต่ก็ได้รูปมาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ได้ตั้งใจมองลงไปข้างล่างด้วย
เครียดมาก ปวดหัวไปหมด 555555555555555555555
นอกจากนั้นเรายังสามารถมายืนดูคนที่จะกระโดดบันจี้จัมพ์ได้ด้วย
กลัวมาก

เครียดมาก มันไม่รู้ววว จาอ่าธี๊บายอย่างไรรรรรร
จากนั้นเราก็ขึ้นมาบนชั้น 61 ที่จะมีกิจกรรมบันจี้จัมพ์กับสกายวอล์คให้ทำ
ซึ่งราคาอ่ะ แพงมาก ยกตัวอย่างเช่น บันจี้จัมพ์ ตกคนละประมาณ 14,XXX บาท
สิ่งที่จะได้คือ เสื้อ ไฟล์รูป ไฟล์วิดีโอ ประกาศนียบัตร และเมมเบอร์อะไรซักอย่าง
เราคือแบบ ต่อให้แถม 5 หมื่นก็ไม่เอาอ่ะ แง ร้องไห้กลับบ้าน 55555
เนื่องจากไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้เลย เราก็ถ่ายรูป
กล้องที่ส่งไปก็ไม่เห็นเพราะไม่ยอมหยอดเหรียญ (5 MOP)
วิวที่เห็นจากด้านบน และยอดตึกที่สะท้อนกับกระจก
ยืนดูบนนี้อ่ะดีแล้วจ้า เพราะถ้าโดดลงไปกลัวไม่ได้กลับมา remind ตัวเองจ้า
ลงมาข้างล่าง ลองมายืนดูในมุมเสยซักหน่อย เห็นคนกระโดดลงมาชัดมาก
แต่พอดูจากข้างล่างมันก็ไม่ค่อยน่ากลัว เหรอวะ ถามเจรงงงงงงง
คุณพระคุณเจ้า
(4) A-Ma Temple
เมื่อวานเพื่อนส่งรูปมาให้ดูว่า แม่อั้มพัชก็ไปวัดอาม่า เราคลาดกันวันเดียวเองนะคะ
เรานั่งรถเมล์ต่อมาจาก Macau Tower แปปเดียวก็ถึง เดินเข้ามาแบบรวดเร็ว
และธูปอินฟินิตี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เราประทับใจมาก แต่รอบนี้ไม่โดนขี้ธูปแล้ว
ทางเข้าวัด
คนเยอะพอสมควร มีทั้งทัวร์และนักท่องเที่ยวจากหลายที่
อันนี้คืออะไรอ่ะ สีสวยมาก
ถ่ายรูปร่วมกันสถานที่เป็นพิธี
แพลนต่อไปคือนั่งรถกลับไปฝั่งไทปา เพื่อไปหมู่บ้านโคโลอาน
ตอนแรกคิดว่าจะนั่งแทกซี่ข้ามมา แต่ทำไมรอรถเมล์ไม่รู้
สงสัยเวลาเหลือ เราเสิชแมพแล้วลองตามหาป้ายรถเมล์
แต่งงนิดหน่อย เพราะมันจะมีรถเมล์แบบนั่งไปกลับ กับนั่งวน
สำหรับนั่งวนก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่สายนี้ต้องนั่งแบบไปกลับ
ก็จะต้องตามหาฝั่งที่ถูกต้อง ดีหน่อยที่วัดอาม่าอยู่ใกล้ ๆ ท่ารถ
เราก็เลยเดินไปขึ้นที่ท่ารถกัน ได้ขึ้นจากต้นสายก็จะได้นั่งแน่นอน
- ที่นั่งในรถเมล์จะมีที่ที่เป็น priority seat แยกแบบชัดเจนมาก
และไม่ค่อยมีใครนั่ง แบบต่อให้คนยืนเต็มรถก็ตาม
ถ้ามีคนแก่หรือคนท้องขึ้นมา ก็จะได้ไม่ต้องลุกให้นั่งอีกที
ตอนแรก ๆ เรานั่งไปก่อน ถ้ามีคนแก่ค่อยลุก
พอรอบหลัง ๆ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเด้อ -
ระหว่างที่ข้ามสะพานมา
นั่งรถเมล์มาประมาณเกือบ ๆ ชั่วโมงก็มาถึง
(5) Coloane Village
ตรงที่เห็นชัดมากว่ามาถึงแล้วคือ มุมตึกสีน้ำเงินที่เป็น 3 หรือ 4 แยกเนี่ยแหละ
เราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าจะต้องเดินตรงไหนบ้าง ก็เลยมั่ว ๆ ไปคาเฟ่ก่อน
มู้ดของโคโลอานก็ประมาณนี้ แต่เราไม่มีเวลาเดินมากเพราะต้องไปดูคอนเสิร์ต
อันนี้เคยเห็นในรีวิว ฉากสีเขียวเหลือง แต่พอมาเจอคือมันเป็นตรงที่กั้นไม่ให้เข้าไปอ่ะ
ถ่ายเสร็จเจ้าของบ้านเปิดหน้าต่างมาตีหัว 🙆♀
(6) Lord Stow's Cafe (Coloane)
สาขานี้จะมีเบเกอรี่และคาเฟ่อยู่ใกล้ ๆ กัน ถ้าใครจะกินแค่เบเกอรี่ก็มาต่อแถว
ส่วนคาเฟ่ก็จะมีอาหารอื่น ๆ ด้วย ตอนเราไปคนเต็มร้านแล้ว ก็เลยซื้อแบบ take away
คนเยอะจนต้องนั่งรอข้างนอก
ส่วนทาร์ต เหมือนทำเอาไว้แล้วเลยไม่ร้อนอ่ะ ตอนกินที่ไทปาเลยอร่อยกว่า
ปล. จริง ๆ เราเป็นคนไม่ค่อยชอบกินทาร์ตไข่ เพราะเลี่ยน แต่กินได้
ตอนนี้เวลาเริ่มล่วงเลยมาไกลแล้ว ก็เลยเลือกนั่งแทกซี่กลับไปไทปากัน
ค่าแทกซี่ 45 MOP หาร 4 ก็โอเคอยู่นะ ไม่แหกมาก 55555
มาถึงเราลง Venetian เพื่อรับบัตรคอนก่อน จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายตอนใกล้เริ่มคอน
จากนั้นก็เดินไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กันนนน
(7) Studio City
ชิงช้าหมายเลข 8 ที่เราซื้อบัตรมาแล้วจากใน Klook เช่นกัน
เข้าไปด้านใน Studio City ลองเดินเล่นชั้นล่างดูเล็กน้อย
ดูเหมือนที่นี่จะมีกิจกรรมให้ทำมากสุดเลย มีเครื่องเล่น VR มีคอนเสิร์ตโฮโลแกรม
ถ้ามีเวลาและเงินก็น่ามาเล่นอยู่นะ
มีร้านอาหารอันนี้อยู่ตรงทางเข้า Studio City น่ารักมาก
อ่ะ เดินดูพอหอมปากหอมคอ เราก็เดินตามป้ายขึ้นไปด้านบนกัน
เราปริ้น voucher มาเหมือนเดิม ก็เอาให้พนักงานดู ติ๊ดๆ QR code กัน
แล้วเข้าไปด้านใน จะมีพนักงานพาขึ้นไปด้านบนอยู่
ตอนแรกคิดว่าคนจะเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ มีแบบพอสบาย ๆ
กระเช้าที่สามารถขึ้นได้ถึง 10 คน
ข้างบนคือสูงกว่าที่คิดมาก ยอดของชิงช้ามีความสูงเท่า ๆ ยอดตึก
สามารถมองเห็นยอดตึกได้ในระดับสายตา ชิงช้าเคลื่อนตัวช้ามากกกกก
แต่ดีที่มันไม่แกว่ง แบบมั่นคงมากอยู่ เราขึ้นตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี
ยิ้มเกร็งมากจ้ะ 😨
แต่คือจริง ๆ ตอนอยู่ข้างบนก็เครียดนะ เครียดกว่าตอนขึ้น Macau Tower อีก
แล้วมันก็มีกระจกใสให้มองข้างล่างด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทั้งอันนะ
ลงจากชิงช้าแล้วรีบไปเตรียมตัวดูคอนเสิร์ตกันดีกว่า
(8) MAROON 5 RED PILLS BLUE CONCERT (Cotai Arena)
ใกล้เวลาที่จะได้ดูคอนเสิร์ตคนก็เริ่มเยอะมาก มีคนดูตามมาจากหลากหลายประเทศอยู่นะ
Cotai Arena จะอยู่ด้านในของ The Venetian มีทางเข้าทั้งชั้นล่างและชั้นบน แบบแยกโซน
เราซื้อบัตรยืนที่อยู่โซนหลัง ก่อนจะเข้าไปด้านในก็ไปฝากกระเป๋ากันก่อน
โรงแรมจะมีบริการฝากฟรี เพราะว่าไม่สามารถเอากล้องถ่ายรูปเข้าไปได้
เราก็ไปต่อคิว จากนั้นก็เข้าไปด้านใน ผ่านระบบรักษาความปลอดภัย
ตรวจกระเป๋าที่เอาเข้าได้ เจาะบัตร แจกสายรัดข้อมือ และเข้ามาถึงด้านใน
เสียดายสายรัดข้อมือเขียนชื่อ Cotai Arena ไม่เขียนชื่อวงหรือคอน
ก่อนจะเริ่ม เราก็ต้องหาอะไรกินรองท้องกันก่อน เดี๋ยวไม่มีแรงโยก
ช่วงเปิดคอนก็จะมีดีเจมาเล่นเปิดก่อนประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงได้
และเมื่อถึงเวลา พี่อดัมก็ออกมา และเล่นแบบรวบรัดตัดตอน
ไม่พูดไม่จา เล่นแบบต่อเนื่อง คุยกับชาวมาเก๊าอยู่ทั้งคอนประมาณ 10 ประโยค
โดยประโยคเปิดตัวนี่มาตอนเพลงที่ 3 ด้วยคำพูดที่ว่า "ว่าไงทุกคน"
วู้วว้าว 🤸♀✨🎉
และอีกรอบตอนเพลงที่ 5 - 6 ว่า "นี่เป็นครั้งแรกที่มามาเก๊า ขอบคุณทุกคนสำหรับวันนี้"
จากนั้นก็ซัดยับ 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นอันจบคอน
มีช่วงนึงน่ารัก มีคนดูเอาหมวกแบ๊วแบบที่พี่อดัมใส่ในรูป โยนให้บนเวที
บอกว่ายกให้ แล้วอยากให้พี่อดัมใส่ร้องเพลง
พี่อดัมก็ใส่ร้องเพลง แล้วตอนจบเพลงจะคืนให้ คนนั้นก็ไม่เอา
แต่พี่อดัมบอกว่า เค้าอยากให้คนนั้นเก็บไว้ เพราะเค้ามีแล้ว
เลยถอดที่ใส่แล้วคืนให้ ก็ถือว่าพอมีโมเม้นอยู่
แต่อย่างนึงที่เสียใจมาก เพราะว่าเตี้ย คือเรายืนเกือบ ๆ หลังสุด
แถว ๆ โซนที่เค้ามิกซ์เสียงกัน แล้วคนส่วนใหญ่แบบเกินครึ่ง ก็เอามือถือขึ้นมาถ่าย
ถ่ายนานมาก ถ่ายตลอดเวลา ถ่ายแบบใช้โทรศัพท์ดูอ่ะ ร้องไห้
บางคนคือ ถ่ายทั้งรูปที่วิดีโอ ถ่ายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว T^T
จบคอนเราไปยืนอยู่แถว ๆ คอกมิกซ์ แล้วเพื่อนก็ชูนิ้วเยี่ยมให้ทีมงาน
เลยมีทีมงานคนนึงแอบเอาลิสต์เพลงมาให้ แต่จริง ๆ พี่เจก็แอบดูสปอยมาแล้ว 5555
Maroon 5 ก็คือ Maroon 5 เอาไป 5 ดาว จุ้บ
⭐⭐⭐⭐⭐
(9) Imperial House Dim Sum
กลับมากินอีกครั้งเนื่องจากรอแถวรับกระเป๋าไม่ไหว ก็เลยหาที่นั่ง
วันนี้เราจะไม่พลาดในการสั่งอีกแล้วว!! คือเมื่อวานตั้งใจจะกินฮะเก๋า
แต่ไม่รู้ว่าคืออันไหน ได้เกี๊ยวกุ้งทอดมาแทน แต่วันนี้เราได้กินแล้ว เย้!
เกี๊ยวกุ้งทอด/ฮะเก๋า
ลูกชิ้นเนื้อ/เปาะเปี๊ยทอด
ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง/ซาลาเปาหมูบาบีคิว
กินเสร็จก็เดินกลับที่พัก ส่งเพื่อนขึ้นรถเมล์ แยกย้าย นอน!
ประมวลภาพบรรยากาศวันที่ 2
(ทิวทัศน์ 1)
(ทิวทัศน์ 2)
DAY 3 : 1-DAY TRIP (04/03/2019)
วันนี้ฝนไม่ตกแล้ว แต่เรายังชะล่าใจไม่ได้ เลยต้องพกร่มที่ซื้อมาเมื่อวานออกมาด้วย
คนที่นี่ดูชอบตื่นสายอ่ะ ช่วงเช้า ๆ ของวันจะไม่ค่อยมีอะไรเปิดเลย
ร้านข้าวก็ไม่เปิด เปิดน้อยมาก คนก็ไม่พลุกพล่าน
แต่วันธรรมดาแบบนี้ก็จะมีนักเรียนเดินทางไปโรงเรียน ทั้งอนุบาล ประถม มัธยม ฮึ่มๆ
และผู้คนเดินทางไปทำงาน เลยทำให้รถติดนิดหน่อย วันจันทร์ที่แท้
เรานัดเจอกับเพื่อนที่ Senado Square เหมือนเดิม มาทู้กวัน

สวัสดีจ้า
วันนี้คือเช้ากว่าเมื่อวาน ยังไม่มีอะไรเปิดทั้งสิ้น
(1) Ruins of St. Paul's
คือคาดหวังว่าวันธรรมดาจะมีคนมาเที่ยวประตูโบสถ์น้อย
เลยเลื่อนจากที่แพลนไว้ว่าจะไปเมื่อวานมาวันนี้ แต่ที่ไหนได้ ไม่แพ้จ้ะ
ข้าพเจ้าก็ลืมไปว่า คนอื่นเขาก็ต้องมาเที่ยววันธรรมดาได้เหมือนพวกเราอ่ะ
โว้ว ล้มโต๊ะ แต่เรามาเร็วกว่าคนเยอะนิดหน่อย เหมือนเป็นตัวเรียกคน
ไปที่ไหนคนก็ตามมาเยอะไปหมด คุณพระ
มุมที่ไม่เห็นคนแน่นอน
👨👩👦👦👨👩👧👧 มานู้สสสสสสสสสสสส 👨👩👧👦👨👩👦👦
กรุ๊บทัวร์สดใส
ด้านหลังประตูก็มีส่วนของประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ให้เดินเข้าไปชมได้อยู่
ถ่ายรูปกันพอสมควรแล้วเดินต่อไปยังป้อมปืนใหญ่ด้านบน(2) Monte Forte & Macau Museum
เราขึ้นไปเดินรอบ ๆ ไม่ได้เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ชมวิวจากด้านบนนี้เห็นมาเก๊าเยอะมาก
จริง ๆ มาเก๊าไม่ใหญ่เลย ไปไหนมาไหนด้วยการเดินง่ายมาก
แต่ถ้าเดินไกล ๆ ทุกวันขาก็น่าจะพังอยู่ อาจจะเป็นเส้นเลือดขอดได้
มีกล้องให้ส่องวิว ซึ่งดูได้ไกลมาก มากกกกกกกกกกกกก
นอกจาก Macau Tower ที่ต้องหยอดเหรียญ ที่นี่ก็มีอันนี้ที่ดูฟรีได้ด้วย
ท่าดูแบบผีบ้า
เห็นซากประตูโบสถ์จากด้านบน และวิวต่าง ๆ
ดูวิวกันจนหนำใจก็ลงมาหาอะไรกินใน Senado Square
จริง ๆ มีร้านแนะนำในรีวิวเยอะมาก แต่เราหาไม่ค่อยเจอซักร้าน
ก็เลยจิ้ม ๆ เอาที่สะดวกและอยากกิน คนน้อย หาง่าย อะไรงี้มากกว่า
เราแวะร้านโจ๊ก ที่ตอนแรกคนก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พอเรานั่ง คนก็กรูกันมา
เมนูง่าย ๆ ที่พวกเราสั่งก็โจ๊กหมู แล้วก็ปาท่องโก๋ฉีก หิวโว้ยย!!
เห็นแบบนี้เยอะนะจ๊ะ
ร้านแบบ local มากมีน้องสาปมาเดินเล่นใกล้ ๆ บ้าง แต่ก็ไม่แย่ 55555
อร่อยนะเว่ย ไม่ใช่เล่น ๆ เนื้อหมูคือนุ่มน่ารัก ชอบมาก
หลังจากกินเสร็จก็มีแพลนจะแยกย้ายกับเพื่อนแล้ว เพราะเพื่อนไปฮ่องกงต่อ
ส่วนเราเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้เช้า ก็แยกย้ายกันแล้วเราก็ไปเที่ยวต่อ
ระหว่างทางเดินไปส่งเพื่อนเล่น ๆ
(3) Municipal Affairs Bureau
หลังจากเดินไปส่งเพื่อนขึ้นรถเมล์เรียบร้อย เราก็กลับมาที่ Senado อีกครั้งและอีกครั้ง
ตรงข้ามกับ Senado Square จะมีอาคารของรัฐบาลตั้งตระหง่านอยู่ ดูสวยดี
เราเลยลองเดินเข้าไป มีห้องน้ำให้เข้าด้วย นั่งพักผ่อนกันเล็กน้อย และไปต่อ
อาคารสีขาวตรงนั้นเอง
มีรูปปั้นบุคคลสำคัญตั้งอยู่
เราเปิดแมพดู เพื่อที่จะเดินไปตรงที่เคยปักเอาไว้ก่อนมา
อยากไปถ่ายรูป ก็คือหลอกตัวเองมากด้วยการเดินอ้อมเพื่อมาเจอว่า
สถานที่เหล่านี้ตั้งอยู่อีกฝั่งของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล T^T
แค่เดินเลี้ยวซ้ายมาก็เจออ่ะ ไม่ต้องเลี้ยวขวาไปอ้อมข้างหลัง
ผ่านไอติม ขอกินหน่อย 35 MOP แพงอ่ะ
(4) Wall of Macau & Na Tcha Temple
เป็นกำแพงประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่หน้าศาลเจ้านาช่า
ซึ่งตอนแรกคิดว่าออกเสียงว่า ศาลเจ้านาจา
ด้านหลังของ Wall of Macau ก็จะมีประวัติศาสตร์อธิบายอยู่
วัดนาช่า อยู่ติดกับกำแพงมาเก๊าเลย
Wall of Macau ทางด้านขวา
ส่วนตรงกลาง Girl of Your Heart 💖
(5) Love Lane
ตรงนี้แหละที่อยากถ่ายรูป แต่พอมาเจอของจริงแล้ว
คนที่ถ่ายออกมาสวย ๆ ต้องเก่งมากอ่ะ เพราะมันไม่ค่อยสวยแล้ว 555555
พี่เจแอ๊บเดินเข้าไป คือสีมันก็น่ารักนะ แต่มันมีฝั่งที่มีคนมาเขียนผนังอ่ะ
เขียนแบบเละเทะ ไม่ดีอ่ะ ไม่ใช่กราฟฟิตี้สวย ๆ
ไปต่อดีกว่า เดินผ่านชานม ลองสั่งอีก

เป็นร้านที่ F4 เกาหลีไปถ่ายด้วย
อันนี้ได้ไข่มุกแล้ว แต่ไม่อร่อยเท่าร้านแรก
ออกจากที่นี่ไปยังจุดหมายต่อไปดีกว่า
(6) Lai Kei Sorvetes
เราเดินมาเรื่อย ๆ เดินแบบ พอมาคิดอีกทีก็ไกลนะเนี้ย
เดินตามแมพมาจนเจอร้านไอติม ที่ก็ดูมาจากรีวิวอื่น ๆ อีกนั่นแหละ
ในร้านมีคนนั่งอยู่ประมาณ 2 โต๊ะ คนน้อยมาก น่าจะเพราะเพิ่งเปิดตอนเที่ยง
บวกกับเป็นกลางวันของวันจันทร์ ก็เลยน่าจะยังไม่มีคน
หน้าร้านมองจากบนสะพานลอย สีสวยสดใส
เซลฟี่หน่อยจ้า 🤳
ตักไอติมก่อนนา
เมนูจะมีภาษาอังกฤษให้ดูอยู่ แต่ไม่มีรูป ไม่มีร้านไหนมีรูปเมนูเลยอ่ะ
ต่อให้เข้าใจภาษาอังกฤษก็ไม่ทราบเลยอ่ะะะะ อ่ะ สั่งไปเลยแล้วกัน
มันก็ไม่ยากนะ แต่ไม่รู้จะสั่งยังไง 555555
เราสั่งไอติมแบบสกูป ไอติมแซนวิช และน้ำมะนาว
กินเสร็จก็คืออิ่มมากอ่ะ กางเกงจะแตกแล้ว
(7) Guia Lighthouse
ถัดจากร้านไอติมมาไม่ไกลมาก ก็เลยไม่ย่อท้อที่จะเดินต่อ
เราก็เดินมาจนถึงป้อมปราการเกีย ที่ยังไม่รู้ว่าป้อมปราการอยู่ตรงไหน
เราแวะเข้าห้องน้ำสาธารณะ แล้วพอออกมาก็เดินวนสวนทางกับทุกคน
คือพี่เจก็ทักแล้วแหละว่า แก ๆ เดินไปทางนี้มั้ย (ทางที่ทุกคนเดิน)
แต่เรากลับบอกว่า มันก็น่าจะวนถึงกันแหละ แล้วก็เดินสวนกับทุกคนไป
สรุปเดินไป 1 กิโลเมตรกับอีก 800 เมตรค่ะคู้ณณณณณณ
ระหว่างทาง 1,800 เมตร
แล้วการเดินวนมาจบที่เราพบว่า จุดที่เริ่มต้นอ่ะ มีทางขึ้นไปป้อมปราการ
อยากปรบมือให้ตัวเองดัง ๆ 555555555555 แต่มันก็ไม่แย่เว่ย
ระหว่างทางมีเครื่องออกกำลังกายให้เล่น มีดอกไม้ใบหญ้าให้ชม
เสียดายอย่างเดียว คือกระเช้าปิดวันจันทร์ แต่ตอนแรกไม่รู้ว่ามีกระเช้า
ดีนะที่อากาศเย็น ไม่งั้นบูด
กิจกรรมระหว่างเดิน
อ่ะ วนมาจนถึงทางขึ้นแล้ว เป็นทางขึ้นที่มีทั้งป้ายบอกทาง
มีทั้งแผนที่บอกว่าต้องเดินอย่างไร เดินทางไหนเจออะไร
ไม่รู้ ไม่รู้ หนูตาพร่าาา 5555555
เจอทางเข้าแล้วโว่ยยย
วิวจากบนนี้ 🌇
ที่เดินมาร่วมชั่วโมง บรรลุผลแล้ว 🏋♀
(8) Macau Fisherman's Wharf
ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรทำมากเท่าไหร่ ก็เลยเดินทางไปดูประติมากรรมจำลองอีกที่ซักหน่อย
นั่งรถเมล์มาจากเกียไม่นานมากก็ถึง ลงเดินจากป้ายเล็กน้อย
มีคนมาถ่าย pre-wedding อยู่ น่าจะฮิตน่าดู
แต่เหมือนโซนต่าง ๆ จะเปิดตอนเย็น ทั้งร้านอาหารและการแสดง
อันที่เด่น ๆ เลยก็คือโคลอสเซียม ที่จะมีการแสดงจัดด้านในด้วย
เราก็เลยซื้อชานม brown sugar กินซักหน่อย อ่ะอันนี้อร่อยขึ้นมาละ
สิ่งที่ทำที่นี่ก็คือถ่ายรูป เดินดู เจอมุม เอ้า ถ่ายรูป คนอื่น ๆ ก็มาถ่ายรูป
ถ่ายรูปเล่นพอหอมปากหอมคอแล้วไปต่อ
ความตั้งใจที่จะไปตามรอยเสือร้องไห้ตั้งแต่วันแรกยังไม่จบ
ไหน ๆ ก็มาฝั่งมาเก๊าแล้ว เราก็ต้องไปเยือนโรงแรม Wynn ซักหน่อย
เพื่อจะได้ไปส่องร้าน Red แล้วไปรับทานอาหารให้มันเหมือนกับที่ตั้งใจไว้
เรานั่งรถเมล์ออกมาจาก Fisherman's Wharf
แล้วต้องลงแถว ๆ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เราก็เลยเดินไปถ่ายรูป 1 แชะ
จากนั้น เราก็เห็นยอดโรงแรม Wynn อยู่ไกล ๆ ความหวังใกล้เข้ามาแล้ว
1 แชะ 📸
เดินมาถึงแล้วรู้สึกหรู แบบคิดไปเองว่ามันหรูกว่าโรงแรมฝั่งไทปา
เข้ามาแล้วก็ลองเดินมาดูแผนที่ มีพนักงานมาแนะนำว่าเดินไปยังไง
เราก็แวะเข้าห้องน้ำก่อน พอพี่เจออกมาก็บอกว่า อาหารมันจานละ 200 MOP+
จากที่จะตามรอยเสือร้องไห้ กูนี่แหละจ่ะร้องไห้เอง
เห็นตรงนั้นลิบ ๆ คือตัดใจแล้ว 5555555555
เราเดินออกมาด้วยความหงอย 5555555 จริง ๆ ก็ไม่หงอยหรอก
คือไม่ได้ไม่มีตังนะ แต่มันเกินคาดไปหน่อย แล้วมันก็เหมาะกับการมากินหลาย ๆ คน
ข้ามถนนออกมาแล้วนั่งคิดว่าไปกินข้าวที่ไหนดี คือพี่เจอยากกินข้าวหมูแดงงี้
เลยกลับไปที่ google อีกรอบ ตัวช่วยที่ดีที่สุดของน้อง
เจอร้านข้าวหมูแดงหมูกรอบ ข้าวหน้าเป็ดเจ้าดังที่ต้องไปโดน
อยู่ใกล้ ๆ กับ Senado Square เราก็ ไป! วันนี้ต้องได้กิน
(9) Chan Kong Kei Roast Duck
พอมาถึง มันคือร้านดังจริงแก คนเต็มร้านแล้วแหละ แต่ยังเหลือที่พอ
เราเข้ามานั่งด้านในและสั่ง ซึ่ง ยากอีกแล้ว ยากมาก แง
หรือจริง ๆ มันไม่ยากแต่เราคิดเองว่ามันยากวะ บ้าบอ
เราสั่งข้าวหน้าเป็ด พี่เจสั่งข้าวหน้าหมูแดงหมูกรอบ
และก็สั่งผักมาแทะ 1 ถ้วย เพราะตัวเมนูข้าวคือไม่มีผักเลย
เมนูที่มีภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังยาก แง้ 😿
ฮึ่ม ๆๆๆๆๆ ข้าวเยอะมากกกกก 🥄🥄🥄
อร่อยนะ รู้สึก mission completed กลับบ้านได้แบบไม่ติดค้าง
กลับไปเดินเล่นย่อยอาหารใน Senado อีกซักหน่อย
แวะ Daiso JAPAN เข้าไปซื้อน้ำซื้อขนม แง พูดแล้วเสียดาย
ซื้อขวดน้ำคุมะมงมา แล้วตอนไปสนามบินลืมกินน้ำให้หมด เลยต้องทิ้ง
(10) Ruins of St. Pauls (night)
อยากมาดูแบบตอนกลางคืน เลยแวะเข้ามาแบบเดินย่อยขำ ๆ
ว้าว ก็ดูสวยงาม
เกิดเหตุงอนป้ายรถเมล์ 55555555555555555 คือหารถเมล์กลับไปฝั่งไทปา
จาก Senado Square แล้วเปิดแมพ แล้วมันมีป้ายรถเมล์ที่ไม่มีอยู่จริงในแมพอ่ะ
แล้วเราก็เดินมาผิดทาง ซึ่งรถเมล์ผ่านป้ายที่เรามานะ แต่ไม่จอด
เลยเอาใหม่ เดินไปอีกทาง ถึงจะเจอว่า เออมันจอดป้ายนี้
เกือบไม่ได้กลับไปนอนแล้ว ตอนนั้นคือโมโหมาก ทำไมวะ ทำไมอ่ะ ทำไมมม
แต่พอมาคิดตอนนี้อีกทีก็แบบ โมโหไปทำไมวะ งง 5555555
แปะป้ายที่ทำให้เรางอน ⚡
เราตั้งใจจะไปถ่ายรูปหน้า Studio City เพราะเมื่อวานตอนนั่งชิงช้าไม่ได้ออกมาถ่ายเลย
เพื่อนเลยทักมาบอกว่าฝากถ่ายด้วย รถเมล์มาจอดแถว ๆ หน้า Parisian พอดี
ถ่ายรูป ถ่ายรูป ดูไฟถ่ายรูป ดูไฟ
หอไอเฟลแห่ง Parisian
ชิงช้าสวรรค์หมายเลข 8 แห่ง Studio City
ทีนี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเราที่จะอยู่ที่นี่แล้ว แต่เงินยังเหลืออยู่เลย
ไม่อยากเอากลับไปแล้วพบว่าแลกกลับเป็นเงินไทยไม่ได้
เลยตัดสินใจเข้าไปช้อปปิ้งใน Venetian อ่ะใช้เงินหมดแล้ว สบายใจแล้ว
เดินกลับที่พักได้ ฝนก็ดันตกลงมาอย่างหนักหน่วงซะงั้น
แต่ยังดีที่เมื่อเช้าเราฉลาดเอาร่มมาด้วย ฮ่าาา
กางร่มกลับที่พักไปอาบน้ำนอน Zzz
ประมวลภาพบรรยากาศวันที่ 3
(ทิวทัศน์ 1)
(ทิวทัศน์ 2)
DAY 4 : GO HOME (04/03/2019)
วันนี้เราจะต้องรีบ check out แล้วออกเดินทางไปสนามบินแต่เช้า
ไม่สามารถใช้บริการรถบัสฟรีของโรงแรมใหญ่ต่าง ๆ ได้
เพราะว่ามันเริ่มสาย เราต้องออกไปก่อนเวลาเริ่ม เลยเลือกบริการรถเมล์แทน
แต่นั่งรถเมล์ก็ไม่นานมาก แถมมาถึงสนามบินก่อนเวลาที่คิดไว้ด้วย
รถเมล์ที่ไปสนามบินก็จะมีผู้โดยสารนักท่องเที่ยวและกระเป๋าเดินทาง
อาหารเช้าสำคัญนะคะ เพราะฉะนั้นเราเลยมุ่งหน้าไปรับทานแมคโดนัลด์
เหมือนอยู่ไทยไม่เคยกิน เอาน่ามันง่ายอ่ะ
นี่เพราะซื้อแมค ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เราได้เหรียญที่เล็กกว่า 1 MOP มา ว้าว
กินเสร็จก็เข้าห้องน้ำเตรียมตัวเข้าเกท โดยเราหาที่เข้าไม่เจออ่ะ
เลยเดินไปถามยาม ยามก็บอกให้ไปที่เค้าท์เตอร์เช็คอิน
แต่ว่าเราเช็คอินมาแล้วนะ ดูท่าจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เราเลยไปเค้าท์เตอร์
เรายื่น boarding pass ที่เราปริ้นมาให้ดู ปรากฏว่าใช้ไม่ได้จ้า
ต้องเอาไปปริ้นตั๋วอีกทีเท่านั้น This paper is not allow จ้า อ้าวๆๆ
ดีนะที่เข้ามาก่อน ไม่งั้นอดกลับบ้านแน่
หลังจากผ่านเข้ามาได้ เราก็มีอีก 1 ปัญหาคือ 500 MOP ที่ได้คืนมา
จะเอาไปทำอะไรรรรร ทางออกคือ duty free วนไป ซื้อ 3 ชิ้นก็หมดแล้ว ขำ
กลับบ้านดีกว่า เย้!!
จริง ๆ ตอนแรกแอบคิดว่ามาเก๊าแม่งไม่มีอะไรเลย
แต่พอมานั่งคิด ๆ ดู แม่งสนุกว่ะ สนุกแบบไม่ต้องทำอะไรเลยนั่นแหละ
ถึงจะมีบางช่วงที่เศร้า เพราะหาร้านข้าวไม่เจอ
บางช่วงเศร้า เพราะป้ายรถเมล์หาย
บางช่วงแม่งก็โคตรสนุกเลย ชีวิตมันก็แบบนี้แหละแก
จริงดิ!?
ปิดจ๊อบ 🍓🍉🍇🍒🍑
Comments
Post a Comment